นายบ๊อบ เฉิน (Bob Chen) ประธานสายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาในงานประชุม Ultra-Broadband Forum ครั้งที่ 10 (UBBF 2024) ว่า ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาถึงแล้ว โมเดลพื้นฐานทั่วไปกำลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว จนถึงขณะนี้โมเดลพื้นฐานได้ถูกนำไปใช้มากกว่า 1,300 โมเดล
รวมถึงยังมีการใช้งาน AI ในโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และรถยนต์อย่างแพร่หลาย ในอนาคต AI จะเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของอุปกรณ์ต่าง ๆ AI จะช่วยเราวางแผนการเดินทาง สร้างโค้ด และตรวจสอบคุณภาพ ในอนาคต AI จะเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต การทำงาน และการผลิตของเรา
ทั้งนี้ ในยุค AI ผู้ให้บริการเครือข่ายบางรายจะเปลี่ยนไปเป็นผู้ให้บริการด้าน AI แบบครบวงจร และผู้ให้บริการบางรายจะร่วมมือกับบุคคลที่สามเพื่อให้บริการต่าง ๆ เช่น การประมวลผล AI และแอปพลิเคชัน AI สำหรับผู้ให้บริการ
“การสร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถด้วยเครือข่าย จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจในยุค AI การทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ AI และคลาวด์ รวมถึงการประมวลผลอัจฉริยะ ต้องการแบนด์วิธสูง ความหน่วงต่ำ และความน่าเชื่อถือสูง หัวเว่ยจึงมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรม F5.5G มาใช้ในด้านการส่งสัญญาณออปติคอล การเข้าถึงออปติคอล และแพลตฟอร์มการจัดการและควบคุม เพื่อช่วยผู้ให้บริการสร้างเครือข่ายใยแก้วนำแสง (Optical network) ที่เน้น AI อย่างแท้จริง"
ด้านการส่งสัญญาณออปติคอล หัวเว่ยได้นำเทคโนโลยีการสลับสัญญาณออปติคอล (Optical Switching) ไปใช้ในศูนย์ข้อมูล (DCs) และขอบเขตของเครือข่ายภายในเมืองเป็นครั้งแรก ด้วยการใช้ Optical Switching ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการขยายตัวและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการประมวลผลอัจฉริยะ หัวเว่ยมีโซลูชัน Optical Switching สำหรับศูนย์ข้อมูลที่รองรับการขยายการประมวลผลอัจฉริยะจากการ์ด 1,000 ใบ ไปจนถึงการ์ดหลายล้านใบ ด้วยพอร์ตที่มีความหนาแน่นสูง
และการใช้พลังงานต่ำมาก เมื่อเทียบกับโซลูชันดั้งเดิม การติดตั้งแบบไม่ใช้โมดูลออปติคอลจะช่วยลดอัตราการขัดข้องได้ประมาณ 20% นอกจากนี้ด้วยการสลับสัญญาณออปติคอลทั้งหมดที่ขอบเขตของเครือข่ายในเมือง หัวเว่ยช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างวงจรที่มีความหน่วงต่ำในระดับ 1 มิลลิวินาที 5 มิลลิวินาที และ 10 มิลลิวินาที ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบตาข่ายและการเชื่อมต่อออปติคอลแบบฮอปเดียวจากโครงข่ายการสื่อสารเส้นทางหลักสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมาก (backbone) สู่เครือข่ายในเมือง เพื่อให้มั่นใจในประสบการณ์ AI ที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบันมีผู้ให้บริการมากกว่า 50 รายทั่วโลกได้นำ Optical Switching มาใช้ในเครือข่ายในเมืองเพื่อสร้างเครือข่ายในระดับ 1 มิลลิวินาที
ในด้านการเข้าถึงออปติคอลนั้น บริการอินเทอร์เน็ตแบบบรอดแบนด์จะต้องมีการบริการระดับพรีเมียม ที่อิงจากการเชื่อมต่อด้วยใยแก้วนำแสง ซึ่งสามารถให้ประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพและมั่นคงสำหรับผู้ใช้ทุกคนทั่วโลก ปัจจุบันมี 3 รูปแบบในการสร้างรายได้จากบริการบรอดแบนด์แบบไฟเบอร์ ได้แก่ การสร้างรายได้จากการขยายพื้นที่ครอบคลุม แบนด์วิธ และประสบการณ์การใช้งาน
ในด้านแพลตฟอร์มการจัดการและควบคุม หัวเว่ยใช้ Digital Twin และโมเดลพื้นฐานของ AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และประสิทธิภาพของการบำรุงรักษาและการปฏิบัติการ (O&M) ในโซลูชัน บรอดแบนด์และการส่งสัญญาณระดับพรีเมียม โซลูชันบรอดแบนด์ระดับพรีเมียมของหัวเว่ยใช้การระบุตำแหน่งข้อผิดพลาดแบบอัตโนมัติ เพื่อให้การวินิจฉัยข้อบกพร่องของเครือข่ายใช้เวลาในระดับนาทีและแก้ไขปัญหา QoE ต่ำได้อย่างรวดเร็ว ลดข้อร้องเรียนจากผู้ใช้ได้ถึง 30% โซลูชันการส่งสัญญาณระดับพรีเมียมใช้การวางแผนออนไลน์อัตโนมัติ เพื่อลดระยะเวลาการเปิดตัวบริการใหม่จากหลายเดือนให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ทศวรรษต่อไป จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI หัวเว่ยหวังที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเครือข่าย F5.5G All-Optical Network ที่เน้น AI ขยาย Optical Switching ไปยังศูนย์ข้อมูลและขอบเครือข่ายในเมือง สร้างเครือข่ายระดับพรีเมียม ด้วยการสร้างรายได้จากการขยายพื้นที่ครอบคลุม แบนด์วิธ และประสบการณ์การใช้งาน รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถของ AI ให้กับแพลตฟอร์มการจัดการและควบคุม เพื่อเร่งการแพร่หลายของ AI และสร้างการเติบโตทาธุรกิจใหม่ในยุคอัจฉริยะร่วมกัน