กลายเป็นดราม่าบนโลกโซเชียลช่วงสัปดาห์นี้ ภายหลังวิดีโอโฆษณาชุดใหม่ของ Apple ชื่อ "The Underdogs: OOO (Out Of Office)" ซึ่งมีฉากถ่ายทำในประเทศไทย สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทย
โดยนายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Apple ในประเทศไทย กล่าวกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าลูกค้ามีการพูดถึงโฆษณาดังกล่าวบ้าง แต่ไม่ได้เป็นภาพลบมากเกินไป โดยเชื่อว่าจะไม่กระทบยอดขาย
ส่วนกระแสวิพากวิจารณ์บนโลกโซเชียลว่าโฆษณาดังกล่าวสื่อถึงทัศนคติในเชิงเหยียดของชาติตะวันตกที่มีต่อประเทศไทย นั้นหากพิจารณาจากนิสัย หรือ พฤติกรรมของ Apple ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก นั้นไม่เคยปรากฎเรื่องการบูลลี่ การเหยียด การดูถูก กรณีดังกล่าว มองว่าสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไปวงกว้างไม่ตรงกับมุมมองของผู้รับสาร โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยบนโลกโซเชียลที่วิจารณ์กันหนักมาก
ก่อนหน้านี้รัฐบาลออกมาระบุว่าการถ่ายทำโฆษณาในไทยของ Apple เป็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft Power ของประเทศ ผ่านการนำเสนอวัฒนธรรม อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สู่สายตาชาวโลก โดยเนื้อหาของโฆษณาสะท้อนถึงความหลากหลายของการท่องเที่ยวในไทย ความเป็นมิตรของผู้คน และความสะดวกในการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ โดยโฆษณาชิ้นนี้สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะการเพิ่มวีซ่าประเภท Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการทำงานทางไกลและท่องเที่ยวในไทย
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มองว่า โฆษณา Apple ชิ้นนี้สื่อถึงทัศนคติในเชิงเหยียดของชาติตะวันตกที่มีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะการนำเสนอภาพประเทศไทยในลักษณะล้าหลังและไม่พัฒนา
โดยประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือการใช้โทนสีในฉากที่ถ่ายทำในไทย ซึ่งใช้โทนสีเหลือง-ส้ม อันเป็นที่เข้าใจในวงการภาพยนตร์ว่าสื่อถึงความล้าสมัย ไม่พัฒนา หรือแม้กระทั่งความอันตราย ในขณะที่ฉากที่ถ่ายทำในสหรัฐอเมริกาใช้โทนสีสว่างสวยงาม สร้างความรู้สึกถึงความทันสมัยและพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ ผู้วิจารณ์ว่า การนำเสนอภาพลักษณ์ของไทยในโฆษณาของ Apple เน้นไปที่ความเป็นเมืองท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหรือการพัฒนาในด้านอื่นๆ ของประเทศ
อนึ่งวิดีโอโฆษณาดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเผยแพร่มา 13 วัน บนช่อง YouTube ของ Apple ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 19.1 ล้านคน ปรากฎว่ามียอดผู้เข้าชมกว่า 5.3 ล้านครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลและการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างของโฆษณาชิ้นนี้
ขณะนี้ ยังไม่มีการตอบสนองอย่างเป็นทางการจาก Apple ต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ทำให้ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศในสื่อระดับโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว