การลงทุน 4 ล้านดอลลาร์จาก AWS จะช่วยให้ HALO Trust ซึ่งเป็นองค์กรกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ในการตรวจหาซากปรักหักพังจากสงคราม รวมถึงทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดอื่น ๆ จากภาพถ่ายทางอากาศของพื้นที่สงครามและพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดในยูเครน
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยให้ HALO สามารถใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมในการตรวจหาอย่างอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่ได้รับความเสียหายจากวัตถุระเบิด รวมถึงสิ่งก่อสร้างและร่องรอยต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงกิจกรรมของมนุษย์ เช่น พื้นที่เพาะปลูก อาคาร ถนน และแหล่งน้ำ ที่อยู่ใกล้พื้นที่สนามรบและทุ่นระเบิด ด้วยข้อมูลเหล่านี้ HALO จะสามารถจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ที่ต้องกำจัดวัตถุระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายเจมส์ โคแวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ HALO กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ AWS ในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย เรามีโอกาสได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและกำลังประมวลผลของ AWS ซึ่งจะช่วยให้เราค้นหาและกำจัดพื้นที่อันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น
“การสนับสนุนจาก AWS เป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนวิธีที่องค์กรของเราจัดเก็บ ประมวลผล วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลจำนวนมหาศาลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมจากการปฏิบัติงานทั่วโลก รวมถึงในพื้นที่สงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ เช่น ในยูเครน เราสามารถทำทุกอย่างนี้บนระบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย”
การวิเคราะห์ภาพถ่ายที่ได้จากโดรน
จนถึงปัจจุบัน HALO ได้บินโดรนสำรวจพื้นที่ในยูเครนเพื่อตรวจหาทุ่นระเบิดรวมแล้ว 542 เที่ยวบิน ข้อมูลภาพถ่ายที่ได้รับมีขนาดมหาศาลถึง 11 เทราไบต์ (เท่ากับสารานุกรมบริตานิกากว่า 10,000 ชุด) และยังมีข้อมูลเพิ่มเติมทุกวัน HALO คาดว่าในเดือนถัดไป จะเริ่มโครงการนำร่องทดลองวิเคราะห์ภาพถ่ายจากโดรนด้วยระบบ AI
ภาพถ่ายจากดาวเทียมและโดรนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ HALO สามารถสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้บุคลากรกว่า 11,000 คนทั่วโลกของ HALO สามารถค้นหาพื้นที่เสี่ยงที่ต้องได้รับการกำจัดวัตถุระเบิดอย่างละเอียดด้วยมือหรือด้วยเครื่องจักร การสำรวจที่แม่นยำจะทำให้กระบวนการกำจัดวัตถุระเบิดมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถคืนพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว แม้ว่าในปัจจุบัน HALO จะพึ่งพาภาพถ่ายจากดาวเทียมเป็นหลักในการสนับสนุนการสำรวจทางอากาศ แต่ยูเครนเป็นหนึ่งในประเทศที่ HALO ได้เก็บรวบรวมข้อมูลภาพถ่ายความละเอียดสูงจากโดรนจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วยระบบ AI เพื่อเร่งการตรวจจับซากปรักหักพังจากสงครามและทุ่นระเบิด
การฝึก AI ให้สามารถตรวจจับซากปรักหักพังจากสงครามหรือที่เรียกว่า ERW (Explosive Remnants of War) จากภาพถ่ายทางอากาศของโดรนนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม จำเป็นต้องมีการระบุข้อมูลด้วยมือจากภาพจำนวนหลายพันภาพ เพื่อให้อัลกอริทึมสามารถเรียนรู้วิธีการสำรวจพื้นที่ที่มีระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำด้วยมนุษย์ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของโมเดล AI อย่างต่อเนื่องโดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมจากองค์กร HALO ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพื่อกำจัดผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อนและเพิ่มความแม่นยำของโมเดลให้สูงขึ้น ด้วยกระบวนการเหล่านี้ ระบบ AI จะสามารถค้นหาและตรวจจับซากปรักหักพังจากสงครามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายเดฟ เลวี รองประธานบริหารฝ่ายภาครัฐทั่วโลกของอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนองค์กร HALO Trust ในพันธกิจสำคัญของพวกเขาในการกำจัดทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดอื่น ๆ ที่ตกค้างจากความขัดแย้งทั่วโลก เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ (Generative AI) นั้น มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการช่วยแก้ปัญหาระดับโลกได้ เรามองว่าการได้ร่วมงานกับ HALO โดยการช่วยให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและดรอนที่พวกเขาเก็บรวบรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น จะช่วยเร่งกระบวนการกำจัดวัตถุระเบิดได้อย่างแน่นอน”
การสนับสนุนที่ HALO Trust ได้รับจาก AWS ประกอบด้วยเครดิตที่ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้งของ AWS ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในระดับสากล นอกจากนี้ AWS ยังให้การฝึกอบรมแก่พนักงานของ HALO เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด HALO มีพนักงานเก็บข้อมูลภาคสนามกว่า 1,200 คนใน 30 ประเทศและดินแดน ซึ่งพวกเขาต้องอัปโหลดและจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลอย่างปลอดภัยทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ข้อมูลเชิงพื้นที่และไม่ใช่เชิงพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพถ่ายจากโดรนและดาวเทียมที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พนักงานของ HALO มักต้องปฏิบัติงานในพื้นที่สนามระเบิดที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำกัดหรือไม่มีเลย
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถทำงานแบบออฟไลน์ได้อย่างราบรื่น และอัปโหลดข้อมูลเหล่านั้นไปยังคลาวด์เมื่อมีแบนด์วิดท์เพียงพอ ซึ่งนี่คือจุดที่ AWS เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนองค์กรนี้
การลงทุนของ AWS ช่วยให้ HALO สามารถประมวลผลข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้อย่างปลอดภัยภายในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของ AWS ทั้งนี้ AWS เป็นผู้ขับเคลื่อนระบบสำคัญต่างๆ ของ HALO ได้แก่ ระบบจัดการข้อมูลปฏิบัติการทั่วโลก ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบประมวลผลภาพจากโดรนและดาวเทียม รวมถึงโมเดล AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ตลอดจนระบบสำคัญอื่นๆ ทางธุรกิจ
วิธีอื่น ๆ ที่ HALO ใช้ประโยชน์จาก AWS Cloud ได้แก่
• การนำเอาเทคโนโลยี AI และ ML มาประยุกต์ใช้กับภาพถ่ายจากดาวเทียม เพื่อระบุอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยใช้บริการ SageMaker ของ AWS ในการฝึกระบบให้เรียนรู้และจดจำลักษณะของอาคารที่เสียหายได้เอง
• สนับสนุนโครงการแผนที่เปิดสำหรับยูเครน โครงการนี้มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเปิดจากแหล่งต่าง ๆ ผ่าน API แล้วนำมาเก็บรวบรวมไว้ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลกลางที่ได้รับการโฮสต์บน AWS การทำงานแบบนี้ช่วยให้ HALO สามารถสื่อสารถึงลักษณะของภัยคุกคามจากวัตถุระเบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• การเก็บข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจของ HALO ไว้บน AWS ซึ่งช่วยให้ HALO สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างสะดวก
การสนับสนุนนี้ช่วยให้เทคโนโลยีเหล่านี้แพร่หลายและถูกนำไปใช้งานได้มากขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจเชิงปฏิบัติการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือมันช่วยชีวิตคนได้ด้วย
AWS เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่ใหญ่และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก มีบริการให้เลือกใช้งานมากมายกว่า 200 บริการจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ลูกค้าหลายล้านรายรวมถึงหน่วยงานภาครัฐทั่วโลกกำลังใช้ AWS เพราะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และที่สำคัญคือสามารถนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว