หัวเว่ย ชูนวัตกรรม 5G รุ่น 2 แนวทางใหม่สร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ

03 ก.ค. 2567 | 15:00 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ค. 2567 | 15:13 น.

หัวเว่ย ชี้นวัตกรรม 5G รุ่น 2 จะเร่งการสร้างรายได้ใน 3 ด้าน รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ -การผสานรวมของเครือข่าย-คลาวด์-ระบบอัจฉริยะ และการทำงานร่วมกันของอีโคซิสเต็ม เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของความสำเร็จทางธุรกิจ”

นายเฉิน ห่าว ประธานธุรกิจผู้ให้บริการของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาพิเศษในมหกรรม MWC Shanghai 2024 ว่า จากการที่นวัตกรรม 5G รุ่นแรกได้ส่งผลลัพธ์เชิงบวกด้านเทคโนโลยีอย่างล้นหลาม หัวเว่ยมั่นใจว่านวัตกรรม 5G ในรุ่นที่ 2 นี้จะยิ่งช่วยเร่งความสำเร็จทางธุรกิจไปอีกขั้น พร้อมชี้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยี 5G กำลังเร่งปรากฏการณ์ทางนวัตกรรมระลอกที่สอง

ประเทศจีนได้สร้างเครือข่าย 5G ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก โดยในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ มีผู้ใช้งานเครือข่าย 5G ในประเทศจีนมากกว่า 890 ล้านคน คิดเป็นกว่า 52% ของผู้ใช้งานทั่วโลก ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ส่งผลให้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่าง 5G มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นส่วนสำคัญของทุกภาคส่วนและทุกโดเมนในประเทศจีน

หัวเว่ย ชูนวัตกรรม 5G รุ่น 2 แนวทางใหม่สร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ

ในระหว่างการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘นวัตกรรม 5G รุ่นที่ 2: แนวทางใหม่สร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ’ (Secondary 5G Innovation: Charting a New Course for Business Success) นายเฉิน เปิดเผยว่า “ความสำเร็จด้าน 5G ของจีนเป็นผลมาจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การนำแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพมาใช้ และการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับที่วิวัฒนาการเครื่องจักรไอน้ำของ เจมส์ วัตต์ ได้จุดประกายการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้นมา โดยคาดการณ์ว่านวัตกรรม 5G รุ่นที่ 2 จะเร่งการสร้างรายได้ใน 3 ด้าน ได้แก่ รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้  การผสานรวมของเครือข่าย-คลาวด์-ระบบอัจฉริยะ  และการทำงานร่วมกันของอีโคซิสเต็ม เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของความสำเร็จทางธุรกิจ”

นวัตกรรมสร้างสถานการณ์การใช้งานใหม่: สร้างคุณค่าให้กลุ่มผู้ใช้งาน และสถานการณ์ใช้งานเพื่อเร่งการสร้างรายได้จากเครือข่ายผ่านตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันจีนมีผู้ลงทะเบียนใช้บริการไลฟ์สตรีมมิงถึง 150 ล้านราย ด้วยอัตราความเร็วอัปลิงก์ที่สูงของ 5G และการเข้าถึงเครือข่ายแบบ priority-based ทำให้ผู้ให้บริการในประเทศตอบสนองความต้องการด้านวิดีโอที่มีความคมชัดสูงได้โดยไม่สะดุด

นอกจากนี้ให้บริการกว่า 15 รายในหลายมณฑลของจีนได้เปิดให้บริการแพ็กเกจไลฟ์สตรีมมิงพร้อมรับประกันความเร็วอัปลิงก์ด้วยเครือข่ายยังสามารถรองรับคุณสมบัติใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ใช้และบริการ, การจัดการประสบการณ์ตามที่กำหนด และการสร้างภาพตามความคิดของผู้ใช้งาน ความล้ำหน้านี้จะช่วยสร้างรูปแบบใหม่ของการไลฟ์สตรีมมิง ทั้งกลุ่มผู้ใช้ และแอปพลิเคชันที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยคิดค้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กลุ่มผู้ใช้ในหลากหลายรูปแบบการใช้งานเพื่อเร่งการสร้างรายได้จากเครือข่ายผ่านตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน

การบูรณาการนวัตกรรม: เกตเวย์ใหม่สู่บริการ IoT สำหรับอุตสาหกรรม ผ่านการผสานรวมระหว่างเครือข่าย-คลาวด์-ระบบอัจฉริยะ

บริการ New Calling และระบบโทรศัพท์บนคลาวด์จะทำหน้าที่เป็นเกตเวย์สู่บริการดิจิทัลส่วนบุคคลมากขึ้น ในขณะที่บริการแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ Internet of Vehicles (IoV) และ Internet of Video Things (IoVT) จะสร้างโอกาสใหม่ให้การเชื่อมต่อภายในอุตสาหกรรม โดยนวัตกรรมที่ผสานรวม 5G คลาวด์ และ AI จะช่วยขับเคลื่อนบริการดังกล่าวไปข้างหน้า

คอนเทนต์ที่สร้างโดย AI (AIGC) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ New Calling เพื่อมอบประสบการณ์ผู้ใช้อีกระดับ ด้วยการบ่มเพาะรูปแบบการใช้งานบนแอปพลิเคชันที่มีมูลค่าสูงซึ่งมุ่งเน้นผู้บริโภคและธุรกิจมากขึ้น อย่างเช่น การใช้ผู้ช่วย AI เข้าไปแทนที่สายด่วนขององค์กรแบบเดิม ทำให้บริการ New Calling มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น สะดวกและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

ระบบโทรศัพท์บนคลาวด์มอบประสบการณ์ราวกับใช้โทรศัพท์จริงได้อยู่แล้ว ด้วยความละเอียด 2K และความหน่วงต่ำถึง 100 ms ระบบโทรศัพท์บนคลาวด์กำลังก้าวไปสู่การแสดงผลที่มีความละเอียดสูงขึ้น มาพร้อมการโต้ตอบที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้งานโทรศัพท์ปกติ

ในส่วนของ IoV และ IoVT เทคโนโลยี RedCap สามารถรองรับบริการเชื่อมต่อด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในราคาที่เหมาะสม ระบบอีโคซิสเต็มของ RedCap สำหรับชิป โมดูล และอุปกรณ์ต่างๆ มีการใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างมาตรฐานของอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความครอบคลุมของเครือข่ายที่ต่อเนื่องกันควบคู่กับความสามารถใหม่ ๆ อย่างการแบ่งส่วนและการประมวลผลแบบคลาวด์ Edge แอปพลิเคชันใหม่ที่มีมูลค่าสูงจะได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับบริการ IoT ใหม่สำหรับอุตสาหกรรม เช่นการผลิตอัจฉริยะ และระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ

นวัตกรรมการทำงานร่วมกัน: การทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรม E2E ช่วยเพิ่มการรับส่งข้อมูลของบริการวิดีโอ

บริการวิดีโอในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้นหรือยาว หรือการสนทนาผ่านวิดีโอ โดยทั่วไปจะมีความละเอียดที่ 540p หรือ 720p ซึ่งหมายความว่ายังต้องเพิ่มประสิทธิภาพในแง่ประสบการณ์การใช้งานอีกมาก หัวเว่ยได้หนุน ‘การก้าวไปสู่ยุค Full HD’ ในงานเสวนา HD ของจีนเพื่อพัฒนาวิดีโอคุณภาพสูงบนมือถือในยุค AI (HD China: Forum on High-Quality Development of Mobile Video in the AI Era) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคและเพิ่มขีดความสามารถเครือข่ายชั้นนำของจีน หัวเว่ยยังเรียกร้องให้ผู้เล่นจากทั้งอุตสาหกรรมร่วมมือกันพัฒนาคอนเทนต์สำหรับเทคโนโลยี 3D ไร้แว่นตา รวมถึงเทคโนโลยีและประสบการณ์อื่น ๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทุกคน

ในแง่ของความสำเร็จทางธุรกิจ 5G การสร้างรายได้ต้องอาศัยการเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มผู้ใช้งาน และรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ โดยกลยุทธ์ด้านบริการต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างเครือข่าย-คลาวด์-ระบบอัจฉริยะและการทำงานร่วมกันของบริการวิดีโอรูปแบบใหม่ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่าย

นายเฉินได้กล่าวปิดท้ายว่า หัวเว่ยจะสนับสนุนผู้ให้บริการในการขับเคลื่อนนวัตกรรม 5G รุ่นที่ 2 อย่างเต็มที่ พร้อมกับการนำ 5.5G เชิงพาณิชย์มาใช้ยกระดับความสำเร็จของธุรกิจ 5G ไปอีกขั้น

ทั้งนี้ ปี 2567 นับเป็นปีแรกของการให้บริการ 5G-A เชิงพาณิชย์ และเริ่มใช้เครือข่ายออปติคอล F5.5G กิกะบิท การผสานการทำงานระหว่างระบบเครือข่าย คลาวด์ และระบบอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มการใช้งานแอปพลิเคชันอัจฉริยะให้แพร่หลายและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น

โดยระหว่างมหกรรมเทคโนโลยี MWC Shanghai 2024 หัวเว่ยร่วมเจาะลึกประเด็นท้าทายร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม และผู้นำความคิด เช่น การขยายความสำเร็จของ 5G ในยุค 5G-A และการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของรายได้ที่เติบโตของผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อนำทางสู่โลกอัจฉริยะให้รุดหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น