ศาลปกครองกลางยืนตามอนุญาโตฯ ดาวเทียมไทยคม 7-8 เป็นระบบใบอนุญาต

06 มี.ค. 2567 | 19:03 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2567 | 19:17 น.

ศาลปกครองกลางยืนตามอนุญาโตตุลาการ ดาวเทียมไทยคม 7-8 เป็นระบบใบอนุญาต ไม่เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทานกระทรวงดีอี

วันนี้ 6 มีนาคม 2567  ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนข้อกำหนดในภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ  เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เฉพาะส่วนที่กำหนดให้ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดย

ดาวเทียมไทยคม 7 และ ดาวเทียมไทยคม  8 เป็นข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เนื่องจากขัดต่อคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

"พิพากษาให้เพิกถอนภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 ก.พ.63 ในส่วนที่กำหนดให้ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ นับตั้งแต่วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ และเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ในวาระที่ 5.2.11 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 นับตั้งแต่วันที่มีมติดังกล่าว"

ดาวเทียมไทยคม

 

 

สำหรับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาล ลงวันที่ 9 ส.ค.64 นั้น ให้มีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก" คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ระบุคดีนี้ บมจ.ไทยคม (THCOM) กับ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1 และ 2, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี  เป็นผู้ร้องสอด และ กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้องคดี โดยขอให้เพิกถอนประกาศ กสทช. เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563  ประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และมติของ กสทช.ในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ในวาระที่ 5.2.11 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองกับผู้ร้องสอดเมื่อวันที่ 29 ก.ย.65 โดยวินิจฉัยว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ไม่เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทาน แต่เป็นดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นการชี้ขาดข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศสำหรับดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองและผู้ร้องสอด โดยคณะอนุญาโตตุลาการแล้ว

คำชี้ขาดดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันคู่กรณีจนกว่าศาลที่มีเขตอำนาจจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนหรือบังคับตามคำชี้ขาดดังกล่าว ดังนั้นข้อกำหนดในภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศ กสทช. จึงขัดกับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวและมีผลให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ฉะนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ในวาระที่ 5.2.11 อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมสำหรับดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ตามภาคผนวก ข ของประกาศ กสทช. เรื่อง แผนบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ซึ่งรวมถึงข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ในฐานะเป็นผู้มีสิทธิในการดำเนินกิจการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน.