สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (17 ส.ค.) ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ (Apple Inc) ได้เริ่มการผลิต iPhone 15 ที่อินเดียแล้ว เพื่อ "เตรียมพร้อม" สำหรับการจำหน่ายที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนกันยายน 2566 หลังจากที่ผ่านมา อินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตของแอปเปิลมักทำการผลิต iPhone รุ่นเก่า แต่เพิ่งเริ่มผลิต iPhone รุ่นใหม่เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า แอปเปิ้ลกำลังเตรียมจัดอีเวนต์ยิ่งใหญ่เพื่อเปิดตัว iPhone 15 ในเดือนก.ย.โดยข่าวระบุว่า น่าจะมีขึ้นในวันที่ 12 ก.ย. หรือ 13 ก.ย.นี้
ตามธรรมเนียมมักจะเปิดตัวเดือนกันยายน
ที่ผ่านมานั้น แอปเปิลมักเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในวันอังคารของสัปดาห์ที่ 2 ในเดือนก.ย. ซึ่งหากบริษัทปฏิบัติตามธรรมเนียมดังกล่าว สาวกแอปเปิ้ลก็จะได้เห็นนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล ขึ้นเวทีเปิดตัว iPhone 15 ในวันที่ 12 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ดี รายงานจาก 9To5Mac คาดการณ์ว่า แอปเปิ้ลจะเปิดตัว iPhone 15 ในวันที่ 13 ก.ย. โดยอ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า ค่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่หลายแห่งได้แจ้งต่อพนักงานให้หลีกเลี่ยงการลาหยุดในวันที่ 13 ก.ย. "เนื่องจากจะมีการประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ในวันดังกล่าว"
นอกจากนี้ ยังคาดว่าแอปเปิ้ลจะเปิดพรีออเดอร์ iPhone 15 ในวันที่ 15 ก.ย. และเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 ก.ย.2566
เปิดตัว 4 รุ่นใหม่จุกๆ
ในการเปิดตัวไอโฟนใหม่ครั้งนี้ แอปเปิ้ลจะเปิดตัว iPhone 15 Series จำนวน 4 รุ่น ได้แก่
โดย iPhone 15 และ iPhone 15 Plus จะมีราคาเริ่มต้นเช่นเดียวกับ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus โดยอยู่ที่เครื่องละ 799 ดอลลาร์ และ 899 ดอลลาร์ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ข่าวระบุว่า แอปเปิ้ลจะปรับราคาเริ่มต้นของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max สูงกว่า iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยจะอยู่ที่เครื่องละ 1,099 ดอลลาร์ และ 1,199 ดอลลาร์ตามลำดับ
ฟีเจอร์ใหม่ไฉไลกว่าเก่า
หนึ่งในเขี้ยวเล็บของ iPhone 15 คือ ชิปเซต โดยแอปเปิล ได้มีการวางชิปเซตที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 15 Standard และ iPhone 15 Pro
ทั้งนี้ รุ่น Pro ซึ่งประกอบไปด้วย iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ใช้ชิปเซตรุ่นใหม่ A17 Bionic แต่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ใช้ชิปเซตรุ่นก่อนของ iPhone 14 Pro จากรุ่น A16 แทน
ข่าวระบุว่า อีกความใหม่แกะกล่อง คือเฟรมไทเทเนียม ที่แอปเปิลเพิ่มเข้ามาเพื่อความหรูหราของ iPhone 15 Pro โดยได้เปลี่ยนมาใช้เฟรมแบบไทเทเนียม แทนวัสดุที่เคยใช้ก่อนหน้านี้อย่างสเตนเลสสตีล ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น แต่มีน้ำหนักที่เบาลง เช่นเดียวกับขอบจอที่บางลง ทำให้เส้นขอบสีดำลดลง มีพื้นที่การใช้งานเพิ่มมากขึ้น
ที่สำคัญก็คือ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า iPhone 15 จะมาพร้อมกับพอร์ตรองรับสายชาร์จ USB-C เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (อียู) โดยนี้จะเป็นครั้งแรกที่ iPhone จะใช้งาน USB-C ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max จะใช้มาตรฐาน USB 3.2 หรือ Thunderbolt 3 แต่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus เป็น USB 2.0
ใช้งานสนุก ง่ายขึ้น ซ่อมก็ง่ายกว่าเดิม
นอกจากความเร็วของ RAM ใน iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่มีโอกาสขยับเพิ่มความเร็วที่ขนาด 8GB ส่วน iPhone 15 Standard จะมี RAM 6GB แล้ว แอปเปิลยังต้องการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและสนุก โดย iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max คาดว่าจะมาพร้อมกับความสามารถในการปรับแต่ง Action Button เหมือนกับ Apple Watch Ultra ไม่ว่าจะเป็นการปรับให้เป็นไฟฉาย หรือปุ่มห้ามรบกวน เป็นต้น ซึ่งปุ่มนี้จะนำมาแทนที่ปุ่มเดิมที่เคยเป็นปุ่มเปิดเสียง หรือปิดเสียง ที่มีในไอโฟนทุกรุ่นมาตั้งแต่ปี 2550
ส่วนฟีเจอร์เกี่ยวกับกล้องก็มีการอัปเกรดเช่นกัน โดย iPhone 15 Pro Max มีฟีเจอร์การซูมแบบออปติคอลได้สูงสุด 5-6 เท่า จากเดิมที่ทำได้แค่ 3 เท่า นอกจากนี้ ยังจะมีฟีเจอร์ LiDAR Scanner ที่ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงาน เช่นเดียวกับฟีเจอร์สแกนความลึก 3 มิติ ที่จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้น สำหรับแอปพลิเคชันประเภท Augmented Reality และการภาพถ่ายในเวลากลางคืน
ข่าวยังระบุด้วยว่า แอปเปิลออกแบบให้ไอโฟนรุ่นใหม่ซ่อมแซมง่ายขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เป็นการต่อยอดจากเมื่อครั้งที่วางจำหน่าย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ซึ่งถูกออกแบบให้ซ่อมแซมได้ง่าย และคราวนี้จะถูกนำมาใช้ในซีรีส์ iPhone 15 Pro เช่นกัน
สำหรับแฟนๆที่ห่วงว่า มีฟีเจอร์ใหม่มากมายจะทำให้ใช้พลังงานมากขึ้นหรือไม่ คำตอบคือ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max จะใช้ชิป Ultra Wideband ที่จะช่วยลดการบริโภคแบตเตอรี่ และมีฟีเจอร์ LiDAR Scanner ที่ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานด้วย
จะแจ่มแจ๋วอย่างที่ว่ามานี้หรือไม่ ตั้งตารอวันเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้กันได้เลย