สุดยอดเทรนด์เทคโนโลยี Generative AI ช่วยลดค่าใช้จ่าย

16 ม.ค. 2566 | 14:24 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2566 | 21:31 น.

อาลีบาบา กรุ๊ป เผยคาดการณ์สุดยอดเทรนด์เทคโนโลยีมาแรง ชี้ป็น กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือของภาครัฐ เอกชนและบุคคลทั่วไป ทั้งยังเป็นตัวกำหนดรูปโฉมของอุตสาหกรรมจำนวนมากในอีกหลายปีต่อจากนี้ ระบุ Generative AI มาแรงจนกลายเป็นเทคโนโลยีเบ็ดเสร็จที่สามารถเพิ่มความหลากหลาย

นายเจฟฟ์ ชาง หัวหน้าโครงการวิจัยระดับโลกของอาลีบาบา กรุ๊ป หรือ Alibaba DAMO Academy เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่างๆ จะขับเคลื่อนให้เกิดการออก แบบการทำงานของซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ร่วมกัน และการผสานรวมของเทคโนโลยีด้านคอมพิวติ้งกับการติดต่อสื่อสาร การนำเทคโนโลยีไปใช้ในวงกว้างจะทำให้มีการใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ มากขึ้นในตลาดเฉพาะทางต่างๆ

 

และกระตุ้นให้เกิด ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย นวัตกรรมที่เกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละอุตสาหกรรม จะกลายเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นและไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

สุดยอดเทรนด์เทคโนโลยี Generative AI ช่วยลดค่าใช้จ่าย

โดยในบรรดาเทรนด์เทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ เป็นที่คาดการณ์ว่า AI แบบรู้สร้าง หรือ Generative AI ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากอยู่แล้ว จะได้รับความนิยมมากขึ้นอีกจากการมีชุดแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำ ไปใช้ในการเปลี่ยนผ่านวิธีการผลิตเนื้อหา ดิจิทัล ข้อมูลจากการวิจัยของ DAMO ระบุว่า Generative AI ที่อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแห่งอนาคต และการลดค่าใช้จ่าย จะกลายเป็นเทคโนโลยีเบ็ดเสร็จที่สามารถเพิ่มความหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพในการสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

อีกหนึ่งเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่โดดเด่นคือ การตัดสินใจที่ชาญฉลาดด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการและแมชชีนเลิร์นนิ่ง (dual-engine decision intelligence) ช่วยในการจัดสรรทรัพยากรได้แบบไดนามิก ครบถ้วนและเรียลไทม์ เช่น การจ่ายไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ การปรับพอร์ตทรูพุตให้เหมาะสม การกำหนดจุดจอดในสนามบิน และการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิตต่างๆ ดังนั้นเทคโนโลยีนี้จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับธุรกิจต่างๆ อย่างมาก

นอกจากนี้ยังคาดการณ์ได้ว่า คลาวด์คอมพิวติ้งและเรื่องของความปลอดภัย จะยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจทั้งหลาย การที่เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและคลาวด์คอมพิวติ้งผสานการทำงานร่วมกันมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้บริการด้านความปลอดภัยเปลี่ยนไปเป็นบริการในรูปแบบคลาวด์เนทีฟ ใช้แพลตฟอร์มเป็นศูนย์กลางและมีความชาญฉลาดมากขึ้น

 

DAMO ได้คาดการณ์ว่าจะมีเทรนด์ อื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น โมเดลโครงสร้างสำเร็จรูปหลากหลายที่ผ่านการเทรนด์ มาแล้ว (pre-trained multimodal foundation models) จะกลายเป็นแบบอย่างและโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ในการสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) รูปแบบเหล่านี้สามารถรับความรู้จากแบบวิธีต่างๆ และนำเสนอความรู้นั้นตาม กรอบการเรียนรู้ด้านการแสดงออกที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ในอนาคต foundation models

 

ชิปเล็ต หรือชิปขนาดย่อ (chiplets) ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถแบ่งระบบต่างๆ ที่รวมกันอยู่บนชิปตัวหนึ่ง (system on a chip: SoC) ออกเป็น chiplet หลายตัว ทำการผลิต chiplet แยกกันและใช้กระบวนการผลิตที่แตกต่างกันแล้วรวม chiplet ทุกตัวไว้ใน SoC ผ่านการเชื่อมต่อกันภายในและแพคเกจจิ้ง และการประมวลผลในหน่วยความจำ (processing in memory) เป็นการรวมหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยความจำไว้บนชิปเดียว ซึ่งช่วยให้ประมวลผลข้อมูลในหน่วยความจำได้โดยตรง

 

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งที่รวมเอาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ด้วยกัน โดยคลาวด์คอมพิวติ้งกำลังพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ Cloud Infrastructure Processor (CIPU) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วในการทำงานและควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ โดยจะช่วยเร่งการใช้แอปพลิเคชันบนคลาวด์ ในขณะเดียวกันยังคงความยืดหยุ่นและความคล่องตัว สูงไว้เพื่อการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคลาวด์ CIPU

 

โครงสร้างที่คาดการณ์ได้บน Edge-Cloud Synergy (predictable fabric based on edge-cloud synergy) เป็นระบบเน็ตเวิร์กที่ออกแบบร่วมกันโดยโฮสต์และเครือข่าย ขับเคลื่อนโดยความลํ้าสมัยของคลาวด์คอมพิวติ้ง และมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอบริการเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นเทรนด์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ (computational imaging) เป็นสหวิทยาการเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่าง หนึ่ง ซึ่งตรงข้ามกับเทคนิคการถ่ายภาพแบบเดิม โดยคอมพิวเตอร์สร้างภาพจากรูปแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ต่างๆ และความสามารถในการประมวลผลสัญญาณต่างๆ จำนวนมาก

 

รวมถึงคู่เสมือนทางดิจิทัลของเมืองใหญ่ (large-scale urban digital twins) ซึ่งจะมีบทบาทในการพัฒนาการทำงานสำคัญด้านต่างๆ เช่น การดูแลการ จราจร การป้องกันและการจัดการภัยทางธรรมชาติ การวิเคราะห์จุดสูงสุดและความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นต้น