แกร็บ “ป้ายขาว” แห่ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.7 หมื่นคน

08 ก.ค. 2565 | 14:26 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2565 | 21:33 น.

แกร็บ เผยพาร์ทเนอร์คนขับ GrabBike ป้ายขาว” แห่ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.7 หมื่นคน ย้ำมั่นใจระบบวินและแอปอยู่ร่วมกันได้

จากความคืบหน้าล่าสุดหลังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เปิดให้คนขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ประสงค์ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชันลงทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมหาแนวทางในการรับมือและบรรเทาผลกระทบจากนโยบายการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะของกระทรวงคมนาคมนั้น

แกร็บ “ป้ายขาว” แห่ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.7 หมื่นคน

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แกร็บได้เดินหน้าสื่อสารและกระตุ้นให้กลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บไบค์ (วิน) ที่อยู่ในระบบได้ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อแสดงความประสงค์ในการให้บริการดังกล่าว พร้อมอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่างๆ อย่างเต็มที่

 

 

โดยล่าสุด (ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2565) มีพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บร่วมลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17,917 ราย ซึ่งแกร็บได้ประสานกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อนำส่งรายชื่อดังกล่าวในรอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ แกร็บยังคงเร่งประชาสัมพันธ์ พร้อมติดตามผลการลงทะเบียนกับกลุ่มคนขับอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ ขบ. สามารถรวบรวมข้อมูลได้ตามกรอบเวลาที่วางไว้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางรองรับและกำหนดกรอบในการกำกับดูแลบริการรถจักรยานยนต์สาธารณะให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน”

ต่อประเด็นที่มีกลุ่มแกนนำคนขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างบางส่วนออกมาคัดค้านกระทรวงคมนาคมเมื่อสัปดาห์ก่อน นายวรฉัตร กล่าวว่า “แกร็บมองว่าระบบวินและแอปพลิเคชันเรียกรถต่างมีจุดแข็งและข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ในมุมที่ต่างกัน วินมอเตอร์ไซค์อาจจะเหมาะกับผู้ใช้บริการที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชน ในพื้นที่ที่มีตรอกซอกซอย หรือบริเวณที่มีผู้เดินทางเป็นประจำและจำนวนมากอย่างสถานีรถไฟฟ้า

 

ขณะที่แอปพลิเคชันเรียกรถสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีและมองหาความสะดวกสบาย  เพราะสามารถเรียกจากที่ไหนหรือเวลาไหนก็ได้ และมีการแจ้งราคาล่วงหน้าที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้โดยสารตัดสินใจล่วงหน้าก่อนใช้บริการ ปัจจุบันมีคนขับวินมอเตอร์ไซค์จำนวนไม่น้อยที่เริ่มปรับตัวให้ทันยุคสมัยและหันมาให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกในการหารายได้ให้กับพวกเขา

 

ดังนั้น บริษัทฯ เชื่อว่าทั้งสองระบบสามารถอยู่ร่วมกันได้ และมั่นใจว่า กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาและกำหนดนโยบายการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะให้เป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่เกิดกับทั้งผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมมากที่สุด”