เบสท์ เอ็กซ์เพรส ชูนวัตกรรม ตั้งเป้า 2 ปี ขึ้นติด 1 ใน 3 บริการโลจิสติกส์ไทย

11 ส.ค. 2564 | 18:39 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2564 | 01:52 น.
564

เบสท์ เอ็กซ์เพรส โลจิสติกส์ดาวรุ่งแห่งปี 2021 รับอานิสงค์การเติบโตธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ปีที่ผ่านมายอดขนส่งพัสดุด่วนต่อวันเติบโตสูง 380% เร่งพัฒนานวัตกรรม พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการให้บริการโลจิสติกส์อันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 ปี

มร.เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (BEST Express)  กล่าวว่า “ปีนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส จะเติบโตได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเข้าสู่วิถีชีวิตแบบ New Normal ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากสถานการณ์โควิดในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตควบคู่กับธุรกิจโลจิสติกส์ ส่งผลให้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มียอดขนส่งพัสดุเติบโตสูงถึง 380% หรือเทียบเท่าจำนวนพัสดุที่หลั่งไหลเข้ามากว่า 300,000 ชิ้นต่อวัน กับจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการมากถึง 912 สาขาครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ

เบสท์ เอ็กซ์เพรส ชูนวัตกรรม ตั้งเป้า 2 ปี ขึ้นติด 1 ใน 3 บริการโลจิสติกส์ไทย

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มีความได้เปรียบในการแข่งขันของตลาดขนส่งพัสดุด่วน และได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2564 (Product Innovation Awards 2021) จากทางนิตยสาร BUSINESS+ ในสาขา นวัตกรรมบริการด้านระบบโลจิสติกส์ คือ บริการ ‘BEST Tracking Alert’ ซึ่งเป็นบริการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ (Automatic Tracking System) แบบ Real-time ผ่าน LINE Official Account นับเป็น “เจ้าแรกของวงการขนส่งโลจิสติกส์” ที่มีการพัฒนานวัตกรรมการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติแบบเรียลไทล์ ซึ่งเชื่อมต่อ API (Application Programming Interface) ระบบขนส่งเข้ากับระบบหลังบ้านของ LINE Official Account เพื่อให้ระบบ AI หลังบ้านเป็นตัว Alert แจ้งเตือนสถานะพัสดุที่จัดส่งในแต่ละครั้งอย่างถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งจะช่วยสร้างความสบายใจให้กับผู้ขายสินค้าออนไลน์และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลท่ามกลางการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างไม่หยุดยั้ง ปัจจุบัน LINE Official Account ของ BEST Express ประเทศไทย มีผู้ใช้บริการมากถึง 146,067 คน รวมถึงช่องทางอื่น ๆ อย่าง BEST Express Application ด้วยที่มีระบบการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติเหมือนกับช่องทาง LINE Official Account เช่นกัน

มร.เจสัน กล่าวเพิ่ม “เบสท์ เอ็กซ์เพรส นอกจากจะมีนวัตกรรมด้านการบริการที่โดดเด่นตอบสนองผู้ใช้บริการในโลกยุคดิจิทัลแล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าขึ้นแท่นเป็นผู้นำแถวหน้าของโลจิสติกส์ 1 ใน 3 ของประเทศภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยปีนี้เรามีแผนเปิดศูนย์กลางกระจายสินค้าแห่งใหม่ย่านพระราม 2 ที่ใหญ่ขึ้นและพร้อมด้วยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพในการรองรับจำนวนพัสดุที่เข้ามาอย่างมหาศาล ตลอดจนพร้อมแล้วที่จะดันการขยายสาขาเพิ่มมากกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศ รวมถึงตั้งเป้าหมายเชื่อมต่อเครือข่ายโลจิสติกส์ใน 5 ประเทศ ที่ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ได้เปิดทำการแล้ว ได้แก่ ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา สิงคโปร์ และไทย เพื่อพัฒนาเครือข่ายบริการระบบโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์โลจิสติกส์แถวหน้าของเอเชีย”

ปัจจุบันเบสท์ เอ็กซ์เพรส มีการให้บริการในประเทศไทยอยู่ 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการขนส่งพัสดุด่วนในประเทศ (BEST Express) บริการการจัดการคลังสินค้า (BEST Supply Chain) และการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border) ที่สามารถให้บริการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน และจีนมาไทย หรือไทยไปมาเลเซียและมาเลเซียมาไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วทุกมุมโลก (อ้างอิงข้อมูลจาก www.thebusinessplus.com )

มร.เจสัน ปิดท้ายว่า “จากการเติบโตของเราแบบก้าวกระโดดครั้งนี้ เรายังคงมองหานักลงทุนรายใหม่ที่กำลังสนใจเปิดธุรกิจโลจิสติกส์มาร่วมเป็นแฟรนไชส์เพื่อเปิดแฟรนไชส์หลัก (First Franchise) กับ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มากขึ้น เพื่อร่วมคว้าโอกาสและสร้างผลกำไรที่เติบโตมหาศาลตามมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ชที่นับวันยิ่งโตขึ้นเรื่อย ๆ