ทีเอชนิค เปิดจดโดเมน “.th” แบบไร้หมวดหมู่คั่นกลางรอบแรกปี 62

03 พ.ค. 2562 | 14:05 น.
567

มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (THNIC Foundation) ประกาศเปิดรับจดชื่อโดเมนหรือชื่อเว็บไซต์ ".th" ในระดับที่ 2 แบบไม่มีหมวดหมู่คั่นกลางรอบแรกประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 2 พ.ค. – 30 มิ.ย.นี้

 

ดร.พจนันท์ รัตนไชยพันธ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย กล่าวถึงการเปิดรับจดโดเมน .th ระดับที่ 2 หรือ .th SLD รอบแรกประจำปี 2562 ว่า "ตามที่มูลนิธิฯ ได้ทดลองเปิดรับจดโดเมน .th SLD ตั้งแต่ปี 2557 โดยให้บริการเพียงปีละ 1 รอบในช่วงเวลาจำกัดและมีการปรับปรุงเงื่อนไขบ้างในบางรอบ และปี 2561 ได้เริ่มทดลองให้บริการปีละ 3 รอบนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้มูลนิธิฯ จึงกำหนดแนวทางให้บริการจดทะเบียน .th SLD เป็นมาตรฐานสำหรับการเปิดให้บริการในรอบต่อ ๆ ไป โดยกำหนดตารางเปิดให้บริการเป็นประจำทุกปี ๆ ละ 3 รอบ เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป สำหรับปีนี้จะเปิดให้บริการ .th SLD รอบแรกในระหว่างวันที่ 2 พ.ค. – 30 มิ.ย. และรอบต่อไปจะเปิดให้บริการในช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย. และรอบสุดท้ายในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2562

ทีเอชนิค เปิดจดโดเมน “.th” แบบไร้หมวดหมู่คั่นกลางรอบแรกปี 62

 

 

 

 

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีการจดโดเมนของภาคธุรกิจ, เครื่องหมายการค้า, สถาบันการศึกษา และองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๆ กว่า 100 ชื่อ มูลนิธิฯ นำรายได้จากการรับจดและต่ออายุ .th SLD ทุกรอบที่ผ่านมาไปสนับสนุนโครงการเน็ตถึงบ้าน หรือ Net2Home ซึ่งเป็นโครงการนำสัญญาณอินเตอร์เน็ตเข้าถึงชุมชนห่างไกลด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและราคาย่อมเยา และ โครงการศูนย์ในบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลอินเตอร์เน็ต หรือ Bangkok Neutual Internet Exchange ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ต ดังนั้น สำหรับการเปิดให้บริการในรอบนี้ จึงขอเชิญชวนท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตของประเทศไทยพร้อมกับรับสิทธิถือครองชื่อโดเมน .th SLD ในชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท่าน

ในการนี้ มูลนิธิฯ ได้มอบหมายให้ บริษัท ที.เอช.นิค จำกัด ผู้เป็นนายทะเบียนดูแลการจดโดเมนภายใต้ .th อย่างเป็นทางการเป็นผู้ให้บริการรับสมัครและจด .th SLD โดยค่าธรรมเนียมการจดโดเมนทางมูลนิธิฯ จะขอรับเป็นเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทยโดยตรง ซึ่งปีนี้จะนำเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาด้านอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยต่อไป"