“พลังงาน” หนุนใช้โซลาร์ชุมชนเกษตรศรีสะเกษ เพิ่มรายได้-ลดค่าไฟเกือบ 1 แสน

03 ก.ย. 2567 | 18:00 น.

“พลังงาน” หนุนใช้โซลาร์ชุมชนเกษตรศรีสะเกษ เพิ่มรายได้-ลดค่าไฟเกือบ 1 แสน เดินหน้าชูผักไหมเป็นกลุ่มต้นแบบสมาร์ทฟาร์มมิ่งโมเดลของภาคอีสาน หลังได้รับสนับสนุนงบปี 61-65 จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 

นายยงยุทธ ห่อทอง พลังงานจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร (บ่อบาดาล) แบบตั้งพื้น ได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2561-2565 จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 

โดยติดตั้งระบบสูบน้ำฯ ขนาด 2,500 วัตต์ ให้กับตำบลผักไหม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 7 จุด วงเงิน 3,029,000 บาท เพื่อสูบน้ำจากบ่อบาดาล มาเก็บในแทงค์ขนาด 25,000 ลิตร หรือ 50,000 ลูกบาศก์เมตร 

“พลังงาน” หนุนใช้โซลาร์ชุมชนเกษตรศรีสะเกษ เพิ่มรายได้-ลดค่าไฟเกือบ 1 แสน

และนำมาใช้ในแปลงเกษตรของชุมชนและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 71 ครัวเรือน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าได้เกือบ 1 แสนบาท ต่อปี และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 8,155.22 kgCo2 / ปี 
 

การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในระดับชุมชนทั้งในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ที่สายส่งยังเข้าไม่ถึง เป็นสิ่งที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแปลงเกษตรที่ตำบลผักไหมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ระบบไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง จึงได้ส่งเสริมให้ชุมชนได้นำพลังงานทดแทนมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ผ่านการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจในชุมชน สร้างรายได้และพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นางจันทรา หาญสุทธิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผักไหม กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรตำบลผักไหม ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ก่อให้เกิดความเสียหายทางผลผลิต ทำให้คนในชุมชนคิดที่จะพัฒนาพื้นที่นา ที่สวน ให้มีรายได้ สร้างงานสร้างอาชีพ จึงได้เกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อพัฒนาอาชีพให้คนในชุมชนมีความมั่นคง และยั่งยืน

“พลังงาน” หนุนใช้โซลาร์ชุมชนเกษตรศรีสะเกษ เพิ่มรายได้-ลดค่าไฟเกือบ 1 แสน

ซึ่งปัจจุบันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลผักไหม ขายเมล็ดพันธุ์ข้าว และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขฯ รวมถึงพัฒนาสู่การเพิ่มมูลค่า     ทำข้าวอินทรีย์ ขณะเดียวกันก็ได้นำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาปรับใช้ในพื้นที่ จนล่าสุดได้พัฒนาเป็นผักไหมฟาร์ม กลุ่มต้นแบบสมาร์ทฟาร์มมิ่งโมเดลของภาคอีสาน ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีการทำเกษตรที่สามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจ
 

“พื้นที่แปลงเกษตรในตำบลผักไหม ส่วนใหญ่ไม่มีไฟฟ้าใช้ การบริหารจัดการน้ำด้วยการนำระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้สูบน้ำจากธนาคารน้ำใต้ดิน แล้วปล่อยกระจายด้วยระบบท่อ ไปใช้ในฟาร์มและแปลงเกษตรกร ซึ่งช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในการเกษตรในช่วงน้ำแล้งได้เป็นอย่างดี ทำให้ดินมีความชุ่มชื้น พืชผลอุดมสมบูรณ์ได้ตลอดปี และยังช่วยเกษตรกรลดภาระค่าน้ำมันที่ใช้สำหรับสูบน้ำจากระบบเดิมได้อีกด้วย” 

นายไพฑูรย์ ฝางคำ ตัวแทนวิสาหกิจกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลผักไหม กล่าวว่า ผักไหมฟาร์มเป็นฟาร์มนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่สู่ความยั่งยืน เป็นการทำฟาร์ม หรือทำแปลงเรียนรู้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของน้ำแล้ง เป็นการเอาภูมิปัญญา บวกกับนวัตกรรมสมัยใหม่ 

“พลังงาน” หนุนใช้โซลาร์ชุมชนเกษตรศรีสะเกษ เพิ่มรายได้-ลดค่าไฟเกือบ 1 แสน

รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานซึ่งกระทรวงพลังงานได้เข้ามาแนะนำให้ความรู้ เอามาปรับประยุกต์ใช้และขยายผลต่อ เพื่อพัฒนาการเกษตรตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ บนพื้นที่ 5 ไร่ แบ่งเป็น โซนนาข้าวและพืชหมุนเวียน โซนพืชผักอายุสั้น โซนสระน้ำเพื่อการเกษตร โซนพืชผสมผสานที่เน้นการปลูกพืชหลากหลาย โซนโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรเป็นการนำโซลาร์เซลล์ มาใช้เพื่อลดต้นทุนของค่าไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงในระบบสูบน้ำ เพื่อใช้ในการดึงน้ำจากธนาคารน้ำใต้ดิน มากักเก็บในถังพักน้ำขนาด 50,000 ลบ.ม. เพื่อบริหารจัดการในฟาร์มสำหรับใช้ในฤดูแล้ง 

ตลอดจนเป็นการส่งเสริมและรักษาระบบนิเวศในฟาร์ม มุ่งสู่การเป็นพลังงานสะอาด และโซนแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชน ซึ่งปัจจุบันทำรายได้เฉลี่ยได้ถึง 120,000 บาท ต่อคนต่อปี ช่วยให้หนี้สินลดลง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน