"GC" วางกลยุทธ์ 3 Step Plus สร้างการเติบโตยั่งยืน-มุ่ง Net Zero ปี 93

01 เม.ย. 2567 | 13:13 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2567 | 13:13 น.

"GC" วางกลยุทธ์ 3 Step Plus สร้างการเติบโตยั่งยืน-มุ่ง Net Zero ปี 93 เดินหน้ายกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ แสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ในต่างประเทศ สร้างธุรกิจเติบโตคู่ลดคาร์บอน

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยในงานสัมมนา Sustainable Daily Talk Action for Change : ทำเดี๋ยวนี้! เพื่อการเปลี่ยนแปลง ในหัวข้อภาคธุรกิจกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโดย หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ เดลินิวส์ ออนไลน์ ว่า บริษัทได้ดำเนินการวางกลยุทธ์ 3 Step Plus เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ Hight Value and Low Carbon ประกอบด้วย 

  • Step Change: ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ 
  • Step Out: แสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่บริษัทระดับโลก และตอบโจทย์ธุรกิจ Low Carbon โดยที่ผ่านมาบริษัท ร่วมกับ allnex ได้สร้าง Synergy และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญที่มีทั้งด้านปฏิบัติการ และด้านนวัตกรรม ซึ่งจะขยายความร่วมมือไปในด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น ด้าน ความยั่งยืน หรือ Digitalization ในอนาคต โดยที่ผ่านมา GC และ allnex ได้ก่อตั้ง Thailand Innovation Hub เป็นศูนย์นวัตกรรม เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และ อยู่ระหว่างการต่อยอดความร่วมมือไปยังบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม
     
  • Step Up: รักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืนและการดำเนินงานด้าน Decarbonization ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ รวมถึง Enablers for Transformation หรือ การเปลี่ยนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพร้อมสำหรับการเติบโต

"GC" วางกลยุทธ์ 3 Step Plus สร้างการเติบโตยั่งยืน-มุ่ง Net Zero ปี 93

นอกจากนี้ เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน บริษัทยังปรับ Portfolio มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon โดยในกลุ่ม High Value ในกลุ่ม Specialty & Performance Chemicals มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทนทานมากขึ้น การต่อยอดธุรกิจใหม่ที่สร้างมูลค่า เพิ่มอัตราผลตอบแทนกำไรที่ดี วัสดุปลอดภัย และควบคู่กับการลดคาร์บอน เช่น ลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อย GHG รวมถึง Zero Carbon Footprint

ส่วนธุรกิจ Bio-based โดยสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร มีสินค้าที่ย่อยสลายได้ ลดขยะพลาสติก มีผลิตภัณฑ์ทางเลือก Carbon Footprint ต่ำที่สุด ลดการปล่อย GHG สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้ว สร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมได้ ซึ่งจะเป็นในกลุ่มของ Circularity & Recycling 

ขณะที่การหมุนเวียน หรือระบบ Circularity & Recycling การรีไซเคิลจะช่วยทุกอย่างได้มาก โดยมีระบบกาจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลาสติก ซึ่งลดแล้ว 1,270 ล้านขวด อีกทั้งยังช่วยกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และภาคส่วนต่างๆ ในการรวบรวมขยะพลาสติกใช้แล้ว เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะช่วยลดขยะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ดร.คงกระพัน กล่าวอีกว่า GC ตั้งเป้าหมาย Commitment to Net Zero ภายในปี 2593 รวมทั้งบริษัทยังปรับ Portfolio มุ่งสู่ธุรกิจ Hight Value and Low Carbon

โดยปัจจุบัน ESG เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวขององค์กร ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายในการเดินหน้าองค์กรสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน 

ทั้งนี้ GC มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่องค์กรยั่งยืน ที่คงความสามารถในการทำกำไรด้วยผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต โดยสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ ตอบสนองต่อความต้องการ คำนึงถึงสุขภาพ สังคมเมือง ที่จะช่วยให้อยู่ในสังคมเมืองได้ดี รวมถึงเรื่องดิจิทัล ซึ่งบริษัทดำเนินการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี การดำเนินธุรกิจภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม คือ การเติบโตทางธุรกิจที่มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริหารจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมครบทุกมิติ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ