"สนพ." จ่อปรับตารางต้นทุนน้ำมันให้ตรงกับผู้ค้า รับนโยบาย "รมว.พลังงาน"

19 มี.ค. 2567 | 07:09 น.

"สนพ." จ่อปรับตารางต้นทุนน้ำมันให้ตรงกับผู้ค้า รับนโยบาย "รมว.พลังงาน" หลังออกประกาศราชกิจจานุเบกษาให้ผู้ค้าตามมาตรา 7 แจ้งข้อมูลการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่อง การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567 ซึ่งให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป

โดยประกาศกระทรวงพลังงานฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 รายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงานทราบ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการบันทึกบัญชีรายวัน

ดังนั้น สนพ. จะร่วมดูข้อมูลกับกรมธุรกิจพลังงาน เพราะปัจจุบันตาราราคาต้นทุนของสนพ.กับของคู่ค้าน้ำมันไม่ตรงกัน
 

ทั้งนี้ ตามตามนโยบายของรมว.พลังงาน จะพยายามดูว่าต้นทุนคู่ค้าเป็นอย่างไร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพยายามปรับโครงสร้างให้สะท้อนต้นทุนของผู้ประกอบการและความเป็นธรรมของผู้ใช้น้ำมัน

"สนพ." จ่อปรับตารางต้นทุนน้ำมันให้ตรงกับผู้ค้า รับนโยบาย "รมว.พลังงาน"

สำหรับความผันผวนของราคาน้ำมันยังเป็นอีกเรื่องที่ท้าทาย รัฐบาลยังคงมีนโยบายตรึงราคา สนพ. จะต้องมอนิเตอร์ ดังนั้น สนพ. จะเน้นดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจะต้องควบคู่กับภาคธุรกิจถ้าไม่ช่วยประชาชนธุรกิจก็เดินไม่ได้ กระทรวงพลังงาน พยายามทำให้ผลกระทบเกิดกับประชาชนให้น้อยที่สุด การตรึงราคาจะต่อหรือไม่ต้องดูความเหมาะสม

สำหรับประมาณการความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2567 มีการพิจารณาสมมติฐานสำหรับการประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ (GDP) ปี 2567 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2567 ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในช่วง 2.2 – 3.2% 
 

ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการขยายตัวของภาคการส่งออกสินค้าตามการฟื้นตัวของการค้าโลก อีกทั้งการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว จึงคาดการณ์ว่าความต้องการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้น ปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 3.1% อยู่ที่ระดับ 2,063 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานทุกประเภท สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ

โดยการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 3.1% การใช้น้ำมันก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์จะเพิ่มขึ้น 2.4% การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ปี 2567 จะมีการใช้เพิ่มขึ้น 3.3% และประมาณการความต้องการไฟฟ้าปี 2567 จะมีการใช้เพิ่มขึ้น 3.1% ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิปี 2567 จะสูงขึ้นประมาณ 1.2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับปีก่อน

"สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้คาดว่าอยู่ในช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เศรษฐกิจโลกโต 2.8% และค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.3-35.3 บาทต่อดอลลาร์เทียบกับปีก่อน ราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล"