ความท้าทายนโยบาย EV ต่อผลกระทบกองทุนนํ้ามันฯ

03 มิ.ย. 2566 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :03 มิ.ย. 2566 | 10:58 น.

กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ถือเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของราคานํ้ามันภายในประเทศ โดยเฉพาะในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคานํ้ามันทั่วโลกผันผวนหนัก

ที่ผ่านมาส่งผลให้กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง เข้าไปมีบทบาทเข้าช่วยพยุงราคานํ้ามันดีเซล ซึ่งเป็นนํ้ามันทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับราคาเหมาะสมช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชนได้ทางหนึ่ง จนส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนนํ้ามันฯ ยังติดลบจากการอุดหนุนนํ้ามันดีเซลอยู่ราว 22,920 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บทบาทในการรักษาเสถียรภาพราคานํ้ามันเชื้อเพลิงในประเทศ ของกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ที่เป็นไปตาม พ.ร.บ.กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 นี้ กำลังเผชิญสิ่งท้าทายในอนาคตที่สำคัญอยู่หลายด้านโดยเฉพาะจากนโยบายด้านพลังงานสะอาดที่ต้องมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ.2065 ซึ่งจะต้องลดใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลลง ตามกรอบแผนพลังงานชาติ ที่กำหนดเป้าหมายลดการปล่อย CO2 มุ่งเน้นการขับเคลื่อนให้ภาคพลังงานสามารถบรรบุเป้าหมายเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนตํ่า ส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน

ความท้าทายนโยบาย EV ต่อผลกระทบกองทุนนํ้ามันฯ

ขณะที่นโยบายยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเต็มสูบ กำหนดเป้าหมายให้ประเทศเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกตามนโยบาย 30@30

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากรถยนต์สันดาปภายในไปสู่ EV แน่นอนย่อมจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้นํ้ามันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังงานหลักในภาคขนส่งของประเทศ และจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บเงินจากผู้ใช้นํ้ามันเข้ากองทุนนํ้ามันฯในอนาคตตามมาด้วย

จากการศึกษาของกรมธุรกิจพลังงาน ถึงผลกระทบของยานยนต์ไฟฟ้าต่อการขับเคลื่อนนโยบายด้านนํ้ามันเชื้อเพลิงของประเทศไทย โดยสรุปจะมีผลทำให้การใช้นํ้ามันเบนซินและดีเซลลดลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบในระยะ 10 ปีขึ้นไป และจะส่งผลต่อการบริหารจัดการเงินกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิงและการรักษาเสถียรภาพของราคํ้ามันในอนาคตตามมา

ดังนั้น สำนักงานกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง คงต้องติดตามสถานการณ์ และเตรียมวางยุทธศาสตร์รับมือกับทิศทางของยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อปรับบทบาทของกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ให้สอดรับกับบริบทของเชื้อเพลิงที่ปรับเปลี่ยนไป เพราะขณะนี้การเติบโตของรถยนต์ EV มาแรง ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปสะเทือนเร็วกว่าที่คาดไว้ก็เป็นได้