"ดิษทัต" ลั่นนำโออาร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 อีวีปี 66 วางเป้า 7,000 หัวจ่ายปี 73

19 ม.ค. 2566 | 14:28 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2566 | 17:30 น.

"ดิษทัต" ลั่นนำโออาร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 อีวีปี 66 วางเป้า 7,000 หัวจ่ายปี 73 พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth เสริมความแกร่งให้ธุรกิจเดิม คู่สร้างโอกาสธุรกิจใหม่

นาย ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า โออาร์ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ภายในปี 66 จากการวางแผนจะติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้า (EV) ให้ครบ 7,000 หัวจ่าย ภายในปี 2573 

"โออาร์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำอีวี ซี่งการวางสถานีชาร์จอีวีจะต้องมีการใช้ Eco system ครบ 7,000 หัวจ่าย ดังนั้น คำว่ากรีน อีวีจะตอบโจทย์ความยั่งยืน ต้องเริ่มทำวันนี้ นอกจากนี้กำลังคุยเเฟลกชิพ GPSC เพื่อพัฒนา Energy Storage"

ทั้งนี้ ในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่นั้น นายดิษทัต ยังกล่าวด้วยว่า ตนพร้อมสานต่อ วิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือเติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน และมุ่งผลักดัน OR ให้ไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

ด้วยแนวคิดRISE OR ที่สะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กร ไม่ว่าจะเป็น (Result : การมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็น รูปธรรม, Intelligence : การตัดสินใจที่ฉลาดบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ, Synergy : การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท., Entrepreneurship : การทุ่มเทในบทบาทหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ) 
 

โดยให้ความสำคัญกับการลงมือทำที่ชัดเจนทั้ง 3 ด้านได้แก่ 

  • Synchronization for Ecosystem หรือ การประสานธุรกิจพลังงานและไลฟสไตล์ให้เป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของ แต่ละธุรกิจ ในการเสริมความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน  ให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต ทั้งด้าน offline และ online

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

  • Synergy for Impact หรือ การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อ ยกระดับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดแบบครบวงจร พร้อมเปิดประตู ความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกัน 
  • 3. Sustainability for Future หรือ การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น

S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก (Opportunities for Communities) ผ่านการดำเนิน ธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน

D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ (More Partners, Products and Services) ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน

G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด (Low Carbon Business Areas) ผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050 
 

นอกจากนี้ ยังได้เสริมแนวคิดเกี่ยวกับกลไกใหม่ในการบริหารงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรตามพันธกิจทั้ง 4 ด้าน (Seamless Mobility, All Lifestyles, Global Market และ OR Innovation) ได้แก่ 

โออาร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 อีวีปี 66 วางเป้า 7,000 หัวจ่ายปี 73

  • Ecosystem Design หรือ การออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า 
  • Professional Management หรือ การพัฒนาบุคลากรภายในควบคู่กับการสรรหาพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญจากภายนอก
  • Strategic Alliance หรือ การสร้างพันธมิตรเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ
  • Sustainability Criteria หรือการกำหนดหลักเกณฑ์ด้าน People & Planet ในการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

“OR จะไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะเป็นการเติบโตผ่านการร่วมมือกับธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อสนับสนุนกันและกันผ่านการใช้ Asset ของ OR ที่มี ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจ ในขณะที่ยังคงเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน”