energy

"ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต

    "ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต พร้อมชู 4D ดันนวัตกรรม ลดโลกร้อน ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างธุรกิจยั่งยืน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในการเป็น Special Talk หัวข้อนวัตกรรมเพื่อธุรกิจยั่งยืน ในงานสัมมนา Next Step Thailand 2023 : ทิศทางแห่งอนาคต ซึ่งจัดโดย สปริงนิวส์ โพสต์ทูเดย์ เนชั่น กรุ๊ป ว่า นวัตกรรมเพื่อการยกคุณภาพชีวิตที่ประเทศไทยต้องมีแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 

  • 1. Agriculture 
  • 2. Next Generation Automative 
  • 3. MedTech & Healthcare 

 

ทั้งนี้ นวัตกรรมทางเกษตรมีศักยภาพแต่มีความท้าทายสูง โดยประชากรไทยประกอบอาชีพเกษตรถึง 30% หรือ 1 ใน 3 เป็นเกษตรกร แต่กลับสร้างจีดีพี (GDP) ให้กับประเทศแค่ 8.5% ดังนั้น ภาคเกษตรต้องเพิ่มผลผลิต การทำเกษตรแบบดั้งเดิมอาจจะมีปัญหา  เพราะฉะนั้น อาต้องนำปัญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาใช้ให้เกิดสมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart farming) ซึ่ง ปตท. ได้ทำเทคโนโลยีโดรนมากพอสมควร สามารถนำไปสร้างนวัตกรรมเป็นโดรนเกษตรช่วยใส่ปุ๋ย ใส่ยาฆ่าแมลง เป็นต้น

 

นอกจากนี้ จะต้องพัฒนาใส่ข้อมูลต่าง ๆ ในโดรน เช่น สภาพภูมิประเทศ สภาพดิน เพื่อเพิ่มความฉลาด โดยเชื่อว่ามีหน่วยงานราชการดูแลเรื่องนี้ แต่จะทำยังไงให้บูรณาการแล้วลงไปในพื้นที่จริงได้ รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มค้าขายเพื่อไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่ง ปตท. ได้ลงไปช่วยบ้างในบางพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนนำสินค้าสามารถขายได้โดยตรง
 

อย่างไรก็ดี ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ถือเป็นธุรกิจยานยนต์อนาคต โดย ปตท. กำลังดำเนินงานสร้างโรงงานผลิตซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งจะกลายเป็นโรงงาน OEM ที่ผู้ประกอบการายใดต้องการสร้างแบรนด์  และไม่ต้องการลุงทุนโรงงานผลิต  ก็สามารถมาออกแบบร่วมกับปตท. 

 

ส่วนสถานีชาร์จอีวี จะต้องมีการบูรณาการจะเชื่อมโยงแต่ละยี่ห้อรวมถึงการจ่ายเงินค่าชาร์จซึ่งน่าจะได้เห็นภายใน 2 ปี  โดยจะช่วยกระตุ้นระบบนิเวศ (Eco System) ของอีวี ให้เติบโตนำประเทศจะไปสู่เป้าหมาย 30% ในปี 2030 ได้

 

"ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต

 

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะต้องก้าวต่อไปก็คือ ไฮโดรเจน ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้เริ่มมีการทดลองติดตั้งปั๊มไฮโดรเจนโดยคุยกับโตโยต้าเพื่อนำรถมาวิ่งทดลองใช้มองว่าจะเกิดขึ้นจริงใน 5-10 ปี จะช่วยลดโลกร้อน

 

นายอรรถพล กล่าวต่อไปอีกว่า นวัตกรรมด้านสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของบริการด้านสุขภาพเฉพาะทางชั้นนำในเอเชีย โดยประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความสามารถในการผลิตยาส่วนใหญ่เป็นการอัดเม็ดและบรรจุขวดยา ความสามารถผลิตหัวเชื้อยา หรือ API น้อยมาก ดังนั้น จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศถึงจะเกิดความมั่นคง ส่วนเรื่องของอาหารจะต้องต่อยอดจากอาหารเสริมสุขภาพไปเป็นอาหารที่ทานแล้วเป็นยาไปด้วย ถือเป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง
 

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่านวัตกรรมเป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องมาผนวกกับธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ถือเป็นความท้าทายของธุรกิจทั่วโลกที่ต้องเจอ คือ 4D แบ่งเป็น

  • Digitalization ซึ่งดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคถ้าปรับตัวไม่ได้
  • Decentralization จากการที่จะต้องลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะปัญหาโลกร้อน
  • Decarbonization ซึ่งในทางธุรกิจมาจากปัญหาในบางแอเรียที่ทำให้เกิดซัพพลาย ดิสรัปชั่น ที่เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตสินค้าและส่งสินค้าไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมามักเกิดปัญหาชิปขาดตลาดในประเทศที่มีการจ้างผลิต ดังนั้นโลกธุรกิจจะต้องมองในเรื่องของการกระจายความเสี่ยงของฐานการผลิต และ
  • Derisk โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาทำให้แต่ละประเทศในพื้นที่เริ่มมองกลับมาทางธุรกิจว่าจะยืนได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะสภาวะใด ๆ จะเกิดขึ้น

 

สำหรับ ทั้ง 4 ปัจจัย ปตท. ต้องใช้นวัตกรรมช่วยเปลี่ยนอนาคตและทำให้ยั่งยืน โดยมี 2 นวัตกรรมคือ

 

1.นวัตกรรมลดโลกร้อน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก  เนื่องจากขณะนี้ถอว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้น โดยจากงานวิจัยพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 9 ของโลกที่มีความเสี่ยงหากเกิดภาวะโลกร้อนแม้จะไม่เป็นผู้กระทำแต่ด้านภูมิศาสตร์ที่ติดทะเล ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ซึ่ง ปตท. จะทำให้ถึงเป้าหมายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศประกาศ เพื่อช่วยค่าเฉลี่ย เพราะบริษัทใหญ่หากทำก็จะเร็วกว่าบริษัทที่ไม่มีศักยภาพทำ

 

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า นวัตกรรมที่จะช่วยลดโลกร้อนหลักมี 3 แบบ ได้แก่ 

  • Renewable ถือเป็นพลังงานทดแทนที่แพร่หลาย ปตท. จะเพิ่มพอร์ตธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2030 มีพลังงานทดแทนเข้ามาในพอร์ตกว่า 12,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 เมกะวัตต์ โดยจะช่วยลดการใช้ฟอสซิล ดังนั้น นวัตกรรมที่ดูแล้วน่าจะเป็นอนาคตอยู่ระหว่างการพัฒนาคือ โซลาร์ และลม ซึ่ง ปัญหาของพลังงานลมคือใบพัด ขณะนี้เริ่มสร้างนวัตกรรมใหม่ที่เป็นแท่งรับลมไม่มีกังหัน

 

  • การใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (CCS) ที่ปล่อยมาจากหน่วยผลิตกลับมาเก็บไว้ใต้ดินด้วยเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกหนีไม่พ้นการปล่อยคาร์บอน แต่เมื่อปล่อยแล้วก็ต้องเก็บกลับมา

 

  • การนำคาร์บอนที่เก็บไว้มาใช้ประโยชน์ (CCUS) กลุ่มปตท.ได้เริ่มทำ Pilot Project ในแหล่งก๊าซอาทิตย์ สามารถเก็บได้ประมาณปีละ 1 ล้านตันคาร์บอน และกำลังศึกษาพื้นที่ที่มีศักยภาพออกไปจากชายฝั่งจะสามารถเก็บถึง 7 ล้านล้านตันคาร์บอน สามารถนำมาพัฒนาสร้างมูลค่าซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาใน 4 โปรดักส์ อาทิ Methanol, Nano Calcium Carbonate, Animal Protein และ Sodium Bicarbonate คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นปีหน้า ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดจะส่งผลกับความยั่งยืนของประเทศและองค์กร

 

"ในการจัดลำดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเริ่มตกลงเกือบทุกปี ขณะนี้อยู่อันดับ 33 จาก 63 ประเทศ ส่วนความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลอยู่อันดับที่ 40 สวนทางกับการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ระดับ Top ของโลกแต่ก็ยังมีข้อดีคือ ประเทศไทยเหมาะกับการประกอบธุรกิจเราอยู่ในอันดับ 3 และเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านสุขภาพเราในอันดับ 5"

 

และ2.นวัตกรรมในการยกระดับคุณภาพชีวิต