"ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต

21 ธ.ค. 2565 | 17:08 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2565 | 00:08 น.

"ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต พร้อมชู 4D ดันนวัตกรรม ลดโลกร้อน ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างธุรกิจยั่งยืน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในการเป็น Special Talk หัวข้อนวัตกรรมเพื่อธุรกิจยั่งยืน ในงานสัมมนา Next Step Thailand 2023 : ทิศทางแห่งอนาคต ซึ่งจัดโดย สปริงนิวส์ โพสต์ทูเดย์ เนชั่น กรุ๊ป ว่า นวัตกรรมเพื่อการยกคุณภาพชีวิตที่ประเทศไทยต้องมีแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 

  • 1. Agriculture 
  • 2. Next Generation Automative 
  • 3. MedTech & Healthcare 

 

ทั้งนี้ นวัตกรรมทางเกษตรมีศักยภาพแต่มีความท้าทายสูง โดยประชากรไทยประกอบอาชีพเกษตรถึง 30% หรือ 1 ใน 3 เป็นเกษตรกร แต่กลับสร้างจีดีพี (GDP) ให้กับประเทศแค่ 8.5% ดังนั้น ภาคเกษตรต้องเพิ่มผลผลิต การทำเกษตรแบบดั้งเดิมอาจจะมีปัญหา  เพราะฉะนั้น อาต้องนำปัญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาใช้ให้เกิดสมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart farming) ซึ่ง ปตท. ได้ทำเทคโนโลยีโดรนมากพอสมควร สามารถนำไปสร้างนวัตกรรมเป็นโดรนเกษตรช่วยใส่ปุ๋ย ใส่ยาฆ่าแมลง เป็นต้น

 

นอกจากนี้ จะต้องพัฒนาใส่ข้อมูลต่าง ๆ ในโดรน เช่น สภาพภูมิประเทศ สภาพดิน เพื่อเพิ่มความฉลาด โดยเชื่อว่ามีหน่วยงานราชการดูแลเรื่องนี้ แต่จะทำยังไงให้บูรณาการแล้วลงไปในพื้นที่จริงได้ รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มค้าขายเพื่อไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่ง ปตท. ได้ลงไปช่วยบ้างในบางพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนนำสินค้าสามารถขายได้โดยตรง
 

อย่างไรก็ดี ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ถือเป็นธุรกิจยานยนต์อนาคต โดย ปตท. กำลังดำเนินงานสร้างโรงงานผลิตซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งจะกลายเป็นโรงงาน OEM ที่ผู้ประกอบการายใดต้องการสร้างแบรนด์  และไม่ต้องการลุงทุนโรงงานผลิต  ก็สามารถมาออกแบบร่วมกับปตท. 

 

ส่วนสถานีชาร์จอีวี จะต้องมีการบูรณาการจะเชื่อมโยงแต่ละยี่ห้อรวมถึงการจ่ายเงินค่าชาร์จซึ่งน่าจะได้เห็นภายใน 2 ปี  โดยจะช่วยกระตุ้นระบบนิเวศ (Eco System) ของอีวี ให้เติบโตนำประเทศจะไปสู่เป้าหมาย 30% ในปี 2030 ได้

 

"ปตท." แนะผลักดันสมาร์ทฟาร์มมิ่งดัน GDP ประเทศโต

 

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะต้องก้าวต่อไปก็คือ ไฮโดรเจน ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้เริ่มมีการทดลองติดตั้งปั๊มไฮโดรเจนโดยคุยกับโตโยต้าเพื่อนำรถมาวิ่งทดลองใช้มองว่าจะเกิดขึ้นจริงใน 5-10 ปี จะช่วยลดโลกร้อน

 

นายอรรถพล กล่าวต่อไปอีกว่า นวัตกรรมด้านสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของบริการด้านสุขภาพเฉพาะทางชั้นนำในเอเชีย โดยประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความสามารถในการผลิตยาส่วนใหญ่เป็นการอัดเม็ดและบรรจุขวดยา ความสามารถผลิตหัวเชื้อยา หรือ API น้อยมาก ดังนั้น จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศถึงจะเกิดความมั่นคง ส่วนเรื่องของอาหารจะต้องต่อยอดจากอาหารเสริมสุขภาพไปเป็นอาหารที่ทานแล้วเป็นยาไปด้วย ถือเป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง
 

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่านวัตกรรมเป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องมาผนวกกับธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ถือเป็นความท้าทายของธุรกิจทั่วโลกที่ต้องเจอ คือ 4D แบ่งเป็น

  • Digitalization ซึ่งดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคถ้าปรับตัวไม่ได้
  • Decentralization จากการที่จะต้องลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะปัญหาโลกร้อน
  • Decarbonization ซึ่งในทางธุรกิจมาจากปัญหาในบางแอเรียที่ทำให้เกิดซัพพลาย ดิสรัปชั่น ที่เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตสินค้าและส่งสินค้าไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมามักเกิดปัญหาชิปขาดตลาดในประเทศที่มีการจ้างผลิต ดังนั้นโลกธุรกิจจะต้องมองในเรื่องของการกระจายความเสี่ยงของฐานการผลิต และ
  • Derisk โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาทำให้แต่ละประเทศในพื้นที่เริ่มมองกลับมาทางธุรกิจว่าจะยืนได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะสภาวะใด ๆ จะเกิดขึ้น

 

สำหรับ ทั้ง 4 ปัจจัย ปตท. ต้องใช้นวัตกรรมช่วยเปลี่ยนอนาคตและทำให้ยั่งยืน โดยมี 2 นวัตกรรมคือ

 

1.นวัตกรรมลดโลกร้อน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก  เนื่องจากขณะนี้ถอว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้น โดยจากงานวิจัยพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 9 ของโลกที่มีความเสี่ยงหากเกิดภาวะโลกร้อนแม้จะไม่เป็นผู้กระทำแต่ด้านภูมิศาสตร์ที่ติดทะเล ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ซึ่ง ปตท. จะทำให้ถึงเป้าหมายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศประกาศ เพื่อช่วยค่าเฉลี่ย เพราะบริษัทใหญ่หากทำก็จะเร็วกว่าบริษัทที่ไม่มีศักยภาพทำ

 

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า นวัตกรรมที่จะช่วยลดโลกร้อนหลักมี 3 แบบ ได้แก่ 

  • Renewable ถือเป็นพลังงานทดแทนที่แพร่หลาย ปตท. จะเพิ่มพอร์ตธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2030 มีพลังงานทดแทนเข้ามาในพอร์ตกว่า 12,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 เมกะวัตต์ โดยจะช่วยลดการใช้ฟอสซิล ดังนั้น นวัตกรรมที่ดูแล้วน่าจะเป็นอนาคตอยู่ระหว่างการพัฒนาคือ โซลาร์ และลม ซึ่ง ปัญหาของพลังงานลมคือใบพัด ขณะนี้เริ่มสร้างนวัตกรรมใหม่ที่เป็นแท่งรับลมไม่มีกังหัน

 

  • การใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (CCS) ที่ปล่อยมาจากหน่วยผลิตกลับมาเก็บไว้ใต้ดินด้วยเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกหนีไม่พ้นการปล่อยคาร์บอน แต่เมื่อปล่อยแล้วก็ต้องเก็บกลับมา

 

  • การนำคาร์บอนที่เก็บไว้มาใช้ประโยชน์ (CCUS) กลุ่มปตท.ได้เริ่มทำ Pilot Project ในแหล่งก๊าซอาทิตย์ สามารถเก็บได้ประมาณปีละ 1 ล้านตันคาร์บอน และกำลังศึกษาพื้นที่ที่มีศักยภาพออกไปจากชายฝั่งจะสามารถเก็บถึง 7 ล้านล้านตันคาร์บอน สามารถนำมาพัฒนาสร้างมูลค่าซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาใน 4 โปรดักส์ อาทิ Methanol, Nano Calcium Carbonate, Animal Protein และ Sodium Bicarbonate คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นปีหน้า ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดจะส่งผลกับความยั่งยืนของประเทศและองค์กร

 

"ในการจัดลำดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเริ่มตกลงเกือบทุกปี ขณะนี้อยู่อันดับ 33 จาก 63 ประเทศ ส่วนความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลอยู่อันดับที่ 40 สวนทางกับการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ระดับ Top ของโลกแต่ก็ยังมีข้อดีคือ ประเทศไทยเหมาะกับการประกอบธุรกิจเราอยู่ในอันดับ 3 และเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านสุขภาพเราในอันดับ 5"

 

และ2.นวัตกรรมในการยกระดับคุณภาพชีวิต