"ไทยเบฟ" ปลื้ม คว้าคะแนนอันดับ1 DJSI อุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก 5 ปีซ้อน

10 ธ.ค. 2565 | 11:19 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2565 | 18:27 น.

ไทยเบฟ คว้าคะแนนสูงสุดอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ประกาศเดินหน้าต่อ ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย PASSION 2025 สร้างการเติบโตยั่งยืนทุกมิติ

รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ("ไทยเบฟ”) จากการประเมินของS&P Global ไทยเบฟ ได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของโลก และยังเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices - DJSI) ต่อเนื่อง โดยจัดลำดับดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Index) เป็นปีที่7 และสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (DJSI World Index) เป็นปีที่ 6

 

จากคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2565) ไทยเบฟเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย PASSION 2025 ภายใต้พันธกิจ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” (Creating and Sharing the Value of Growth) 

ล่าสุด ยังเน้นย้ำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเพื่อ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” (Enabling Sustainable Growth) ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม การเกื้อหนุนสังคม และการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจในไทยและในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรสุทธิเป็นศูนย์ หรือNet Zero ภายในปี 2583

 

ไทยเบฟดำเนินธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อเนื่อง โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ(UN SDGs) โดยมีการดำเนินงานด้านสังคมใน 5 มิติหลัก ได้แก่การศึกษา สาธารณสุขกีฬา ศิลปะและวัฒนธรรม และการพัฒนาชุมชนและสังคม ที่ได้สร้างผลลัพธ์ความสำเร็จของการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และมีการติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง  

ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากเป้าหมายและการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ไทยเบฟ ยังประกาศเป้าหมายการรักษาคุณภาพน้ำและการคืนน้ำสู่ธรรมชาติเป็นสัดส่วน 100% ของปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตสินค้า ภายในปี 2573 และได้เริ่มดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ การผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันดูแลและอนุรักษ์แหล่งน้ำ การดูแลชุมชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภค โครงการประเมินความยั่งยืนของน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และ การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำร่วมกับชุมชน

 

ในมิติการทำงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดไทยเบฟมีการนำบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มหลังการบริโภคมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าและผลิตเป็นผ้าห่มในโครงการ “ไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาว” โดยไทยเบฟสามารถผลิต “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ได้จำนวนมากถึงปีละ 200,000 ผืน ซึ่งช่วยให้สามารถนำขยะจากบรรจุภัณฑ์กลับสู่ระบบรีไซเคิลได้สำเร็จแล้วจำนวน 22.8 ล้านขวดจากการดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3  

 

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังเป็นผู้ริเริ่มแพลตฟอร์มการสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในอีกหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง อาทิ ภาคีเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย (Thailand Supply Chain Network – TSCN) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการยกระดับความรู้และมาตรฐานการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในห่วงโซ่อุปทานของไทย นอกจากนั้นไทยเบฟยังเป็นผู้ริเริ่มและผู้สนับสนุนหลักของรายการWin Win WAR Thailand ซึ่งเป็นรายการเรียลิตี้ที่มุ่งเฟ้นหาและฟูมฟักนักธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมโดยมีการออกอากาศต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปี และมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดงาน Sustainability Expo (SX) 2022 งานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประชาชนทั่วไปและเยาวชนในภูมิภาคอาเซียน 

 

นับเป็นงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง United Nations Development Programme (UNDP) ไปจนถึงภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม อีกกว่า  100 องค์กร นับเป็นการสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือในทุกระดับเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินงานภายใต้แนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน  

 

การดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งในการบริหารจัดการด้านธุรกิจ และการดำเนินโครงการต่างๆล้วนเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและความพร้อมในทุกมิติของไทยเบฟที่จะเดินหน้า “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” สู่การเป็นต้นแบบและผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก