การเคหะฯ ช่วยคนไทยมีที่อยู่อาศัยง่ายขึ้น กว่า5ทศวรรษ ปักหมุด 7.5 แสนหน่วย

04 ก.พ. 2568 | 20:29 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.พ. 2568 | 20:41 น.

การเคหะฯ แถลงผลงานครบรอบ 52 ปี สร้างที่อยู่อาศัยกว่า 7.5 แสนหน่วย ผลประเมิน ITA 96.44 คะแนน ได้อันดับ 1 ของกระทรวง พม. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากรของ “ท็อป วราวุธ” รมว.พม. 

 

 

การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน และวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ครบรอบ 52 ปี ของการก่อตั้ง หรือกว่า5ทศวรรษ พร้อมทั้งยกระดับให้คนทุกกลุ่มวัยเข้าถึงที่อยู่อาศัย

ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดกล่าวว่า ที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้พัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกรูปแบบไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 754,971 หน่วย อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชน โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง และโครงการอาคารเช่า เป็นต้น ขณะที่ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ปี 2567 การเคหะแห่งชาติได้คะแนน 96.44 คะแนน จาก 100 คะแนนเต็ม เป็นอันดับที่ 1 ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวง พม. และเป็นอันดับที่ 10 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

 

 

สำหรับการทำงานในปี 2567 การเคหะแห่งชาติมุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ที่มีมุมมองต่อการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ และมุ่งเน้นนโยบายสำคัญที่เรียกว่า 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ได้แก่ เสริมพลังวัยทำงาน เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน สร้างพลังผู้สูงอายุ เพิ่มโอกาสและเสริมคุณค่าคนพิการ และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว (เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ)

ดังนั้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานเรื่องบ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย (Housing for all) และชุมชนน่าอยู่สำหรับประชากรทุกกลุ่มวัย (Community for all) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ และในปี 2568 รมว.พม. ยังได้ผลักดัน 9 โครงการ Flagship ต่อยอดนโยบาย 5X5 ฝ่าวิกฤตประชากร ซึ่งภารกิจที่การเคหะแห่งชาติได้รับมอบหมายจาก รมว.พม. ให้ดำเนินการ คือ บ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย (Housing for all)

ประกอบด้วย โครงการบ้านตั้งต้น (First Jobber) การเคหะแห่งชาติได้นำโครงการอาคารเช่ามาให้กลุ่มคนวัยเริ่มทำงาน (First Jobber) ได้เช่าในราคาพิเศษ โดยคัดเลือกโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 8 โครงการ รวมทั้งสิ้น 1,428 หน่วย ให้เช่าในราคาเริ่มต้น 1,200 บาทต่อเดือน โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 มีประชาชนทำสัญญาเช่า รวมทั้งสิ้น 540 หน่วย

 

นอกจากนี้ยังมียังมีโครงการอาคารเช่าพักอาศัยที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอีกจำนวน 12 โครงการ ประกอบด้วย สมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 3) นครสวรรค์ 2 ระยะที่ 2 มหาสารคาม ลำปาง สุรินทร์ (สลักได) อุบลราชธานี กาญจนบุรี พังงา (ตะกั่วป่า) ชลบุรี (แหลมฉบัง) ระยะที่ 1 สมุทรปราการ (บางพลี) อุดรธานี (สามพร้าว) และเชียงใหม่ (หนองหอย) รวม 3,540 หน่วย ปัจจุบันมีผู้ทำสัญญาเข้าอยู่อาศัยแล้ว จำนวน 1,935 หน่วย และในปี 2568 ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 5 โครงการ 1,594 หน่วย ได้แก่ ลพบุรี ระยะที่ 1 พระนครศรีอยุธยา (โรจนะ) ระยะที่ 1 ฉะเชิงเทรา (บางปะกง) หนองบัวลำภู และเพชรบุรี (โพไร่หวาน)  

ขณะที่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ได้แก่ อาคาร D1 สูง 35 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 612 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมในโครงการเคหะชุมชนดินแดง อาคารแฟลตที่ 23 - 32 ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบกุญแจให้กับผู้อยู่อาศัย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 จำนวน 397 ครัวเรือน และคาดว่าจะบรรจุผู้อยู่อาศัยเต็มจำนวนประมาณเดือนมิถุนายน 2568 ส่วน อาคาร A1 สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 635 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมในโครงการเคหะชุมชนดินแดง อาคารแฟลตที่ 9 - 17 และอาคารแฟลตที่ 63 - 64 ปัจจุบันมีผลการดำเนินงานการก่อสร้างร้อยละ 18.40 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2569

ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยประเภทขาย การเคหะแห่งชาติได้จัดโปรโมชันลดราคา 5-20% เป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับประชาชนในนามกระทรวง พม. จำนวน 102 โครงการ และลดราคาพิเศษโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 47 โครงการ และวางเงินจองเริ่มต้น 1,000 บาท ถึง 31 มีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ และหากประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านของการเคหะแห่งชาติแล้วโดนปฏิเสธสินเชื่อ

การเคหะแห่งชาติยังมี โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2563-2567 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 1,785.116 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตนเอง จำนวน 2,758 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น กลุ่มลูกค้าทั่วไป 2,404 ราย และกลุ่มเปราะบาง 354 ราย และในปี 2568 การเคหะแห่งชาติได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 388.800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนได้ประมาณ 648 ราย