พลิกโฉม ท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง ดึงเอกชนร่วมทุนประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์

19 พ.ค. 2566 | 12:29 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2566 | 12:29 น.
501

“กทท.” ดันที่ดินท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง 122 ไร่ 3 พันล้านบาท เร่งเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ดึงเอกชนร่วมทุน ลุ้นบอร์ดปฏิรูปทรัพย์สินไฟเขียวภายในเดือนมิ ย.นี้ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี โกยกำไร 20%

การท่าเรือแห่งประเทศไทย หนึ่งในแลนด์ลอร์ดใหญ่ที่มีที่ดินศักยภาพ เตรียมเปิดให้เอกชนประมูลพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะทำเลริมแม่นํ้าเจ้าพระยาที่ประเมินว่าจะมีภาคเอกชนให้ความสนใจ หลังจากที่ผ่านมามีแผนนำที่ดินแปลงใหญ่ทำเลท่าเรือคลองเตยพัฒนาโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส สร้างมูลค่าแพงระยับ

ล่าสุดนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า สำหรับแผนในปี 2566 กทท.มีแผนจะนำที่ดินของกทท.พัฒนาหารายได้เชิงพาณิชย์จำนวน 3 แปลง มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ที่ดินในเขตท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ 15 ไร่ บริเวณใกล้สนามฟุตบอลกทท. สัญญาสัมปทาน 30 ปี 2.ที่ดินในเขตท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ 17 ไร่ บริเวณพื้นที่ที่เคยให้บริการเป็นศูนย์รองรับผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19  สัญญาสัมปทาน 30 ปี 3.ที่ดินบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง พื้นที่ 90 ไร่  สัญญาสัมปทาน 15-20 ปี 
 

ทั้งนี้การประมูลที่ดินทั้ง 3 แปลง ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาโครงการฯ หากดำเนินการแล้วเสร็จ กทท.จะต้องเสนอคณะกรรมการปฏิรูปทรัพย์สินของกทท.พิจารณาภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะนำร่องออกประกาศประกวดราคาให้เอกชนเช่าที่ดินบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง พื้นที่ 90 ไร่ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่เป็นจุดจอดรถบรรทุกและมิกซ์ยูส โดยจะเริ่มกระบวนการประกาศประกวดราคาภายในเดือนมิถุนายน 2566 คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะการประมูลภายในสิ้นปี 2566 


 ส่วนที่ดินบริเวณท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ 17 ไร่ เป็นการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งจะเริ่มกระบวนการประกาศประกวดราคาภายในปลายปี 2566 
 

นอกจากนี้ภายในต้นปี 2567 กทท.จะเริ่มกระบวนการประกาศประกวดราคาบนที่ดินบริเวณท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ 15 ไร่ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบมิกซ์ยูสต่อไป 

พลิกโฉม ท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง ดึงเอกชนร่วมทุนประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์

สำหรับผลการดำเนินงานด้านการเงินของ กทท. ระยะเวลา 6 เดือน มีรายได้สุทธิ 7,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.12% กำไรสุทธิ 3,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.41% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยตลอดปีงบประมาณ 2566 ตั้งเป้ากำไรประมาณ 6,600 ล้านบาท คิดเป็น 3-5% จากเดิมในปี 2565 มีกำไรอยู่ที่ 6,300 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากการเร่งรัดให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือและการนำที่ดินเปล่าของกทท.ไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้ 

 

นอกจากนี้ กทท.ยังเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้นำส่งรัฐสูงสุด 10 อันดับแรก ซึ่งปัจจุบันกทท. นำเงินส่งรัฐ 70% ของกำไรสุทธิเพื่อคำนวนนำส่งรัฐ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา กทท.นำเงินส่งรัฐ ทั้งสิ้น 4,879  ล้านบาท และในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง (ปี 2555 - 2565) กทท.นำเงินส่งรัฐไม่น้อยกว่า 48,300 ล้านบาท เพื่อเป็นรายได้นำส่งแผ่นดิน ซึ่งเป็นกลไกในการช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการคลังของประเทศต่อไป

 

 ทั้งนี้ภายใน 3 ปี กทท.ได้ตั้งเป้าหมายการปรับสัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้นเป็น 80% และรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน  20% จากปัจจุบันที่กทท.มีรายได้จากการขนส่งสินค้าทางเรือ 90% และรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน  10%