จับตาบิ๊กทุน ชิงประมูล ที่ดินยาสูบ "โกดังแองโกล" ติด เอเชียทีค ย่านเจริญกรุง

26 มี.ค. 2566 | 12:55 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2566 | 13:46 น.
1.3 k

จับตาบิ๊กทุน ชิง ประมูล ที่ดินยาสูบ ย่านเจริญกรุง"โกดังแองโกล" ติดที่ดิน เอเชียทีค เปิด Market Sounding 20 เม.ย. นี้  กยท.นำที่ดิน 2,000ไร่เชิงพาณิชย์ ปูพรมออกประมูลสร้างรายได้ -ปลูกป่าขายคาร์บอนเครดิต

 

การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)  โดยนายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งามผู้ว่าการยสท.   มีแผนนำที่ดินแปลงงาม เปิดประมูลให้เช่าระยะยาว 30ปี  สร้างรายได้ให้องค์กรในปีนี้ (2566) จำนวน3แปลง ศักยภาพสูง เหมาะพัฒนาอพาร์ทเม้น โรงแรม ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ได้แก่

1. กรุงเทพมหานคร ทำเลย่านเจริญกรุง 80

2. ขอนแก่น และ

3.หนองคาย  

โดยมอบบริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาฯ ของ ยสท.เป็นผู้ดำเนินการโดยจะทำการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) ตามแนวทางการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ที่บริษัทที่ปรึกษาฯ ทำการศึกษาไว้ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม ZOOM โดยมีกำหนดการจัดงานในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 08.30 - 12.00 น.

ทั้งนี้ที่ดินที่ ถูกจับตามองมากที่สุด คือที่ดิน“แปลงโกดังแองโกล” โฉนดเลขที่ 6009 และ 23614 เนื้อที่ 5-1-58.2 ไร่ซึ่ง ตั้งอยู่บริเวณซอยเจริญกรุง 80   กรุงเทพฯ  ปัจจุบัน ภายในพื้นที่มีอาคารคลังสินค้า 2 หลัง พื้นที่อาคาร 6,140 ตารางเมตร ที่ตั้งโครงการใกล้กับเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก และเชื่อมโยงการเดินทางสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจอย่างถนนสาทร สีลม ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

ผู้ว่าการ กยท.  

 

นาย วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ที่ดินทั้ง3แปลงที่จะนำออกประมูลมีศักยภาพสูง เหมาะพัฒนาเชิงพาณิชย์ ในระยะยาว โดยเฉพาะที่ดินยาสูบแปลงซอยเจริญกรุง80  ที่มองว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์ สามารถพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์   และโรงแรมระดับ3ดาวหรู  แต่มีความสูงไม่เกิน 8ชั้นหรือ ไม่เกิน 23เมตร รองรับกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะโดยธรรมชาติต่างชาติไม่เน้นอยู่อาศัยบนอาคารสูงมากนัก แต่เน้นควาามสะดวกปลอดภัยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่า

 อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วย ที่ดินดังกล่าว มีข้อจำกัด เขตทางในซอยถนนกว้างไม่ถึง10เมตรตามกฎหมายควบคุมอาคาร ทำให้ต้องพัฒนาอาคาร ในรูปแบบโลว์ไรส์ หรืออาคารเตี้ย แต่มองว่าเป็นทำเลที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ เนื่องจากอยู่ในย่านพาณิชยกรรม ที่มีโครงการขนาดใหญ่ เกิดขึ้นรายรอบ ขณะราคาที่ดินอยู่ที่ 2-3แสนบาทต่อตารางวา  

 

 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ”ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า ปีที่ผ่านมา กยท.นำที่ดินออกประมูลต่อเนื่อง โดยเปิดประมูลที่ดินในเขตกรุงเทพฯที่ดินติดแม่น้ำเจ้าพระยา ไปแล้วจำนวน1แปลง และ ภูมิภาคที่ จังหวัดเชียงราย จำนวน2แปลง

 

นอกจากนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการกยท.ต่อสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า  จากผลกระทบกรณีรายได้จากยอดจำหน่ายบุหรี่ ที่ลดลงต่อเนื่องจาก

1.โครงการการรณรงค์เลิกบุหรี่ คนหันมาดูแลสุขภาพ

2.ความนิยมบุหรี่ ไฟฟ้า

3. ความนิยมบุหรี่หนีภาษีจากต่างประเทศ

กยท.จึงหาทางเพิ่มรายได้ โดยนำ อสังหาริมทรัพย์แปลงศักยภาพออกประมูล  โดยปัจจุบัน กยท. มีที่ดิน จำนวน 150 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 15 จังหวัด เนื้อที่ 6,003 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวา ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ มหาสารคาม เพชรบูรณ์ สุโขทัย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด หนองคาย นครพนม และบึงกาฬ 

ตามมติ คณะกรรมการ ยสท. ให้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช้จากการผลิตใบยาสูบ นำมาสร้างรายได้ จำนวนกว่า 2,000 ไร่ จากทั้งหมด 6,003 ไร่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทยอยนำที่ดินแปลงที่มีความพร้อมออกประมูล

รวมถึงการมองหารายได้จากโครงการคาร์บอนเครดิต ที่สร้างโอกาสทองต่อการลงทุนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ของกยท. ซึ่งปัจจุบันยังมีที่ดิน ในภูมิภาค อีกจํานวน 27 แปลง ประมาณ 500 ไร่รองรับการปลูกป่า เพื่อเก็บก๊าซเรือนกระจก (CO2) และคืนออกซิเจน (O2) ให้กับพื้นที่ ดังกล่าว