โควิดฉุด  เศรษฐกิจ –อสังหาฯปี65”ทรงกับทรุด” 

04 ธ.ค. 2564 | 10:06 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ธ.ค. 2564 | 17:33 น.

มีหลายฝ่ายประเมินกันว่า การเปิดประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล จะเป็นสัญญาณบวก นำพาเศรษฐกิจขยายตัวฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้ แต่ ยังไม่ทันข้ามปี 2564  โอไมครอนไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ระบาดซ้ำสร้างความสั่นคลอนไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

 

อีกปัจจัยความเปราะบางของเศรษฐกิจคงหนีไม่พ้นหนี้ครัวเรือนที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดการณ์ว่า จะแตะถึง 93% ณ สิ้นปี 2564 อยู่อันดับ 17 ของโลกซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่จะกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศทางออกคือการปรับโครงสร้างหนี้ให้ตรงจุดและเน้นการรวบหนี้

เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวส่วนมาตรการเยียวยาโควิดกระตุ้นจับจ่ายด้วยการแจกเงินไม่ได้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี)ขยับสูง ตรงกันข้ามส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ

 หนี้ครัวเรือน-โควิดฉุดศก.

สอดรับกับนายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทรัตนากรแอสเซทจำกัดและผู้อำนวยการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี สะท้อนผ่าน”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าประชากรของไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่คาดว่าจะสูงถึง92% สิ้นปี2564 ส่วนใหญ่กู้มาใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภคซึ่งต่างกับต่างประเทศที่หนี้ครัวเรือนมักเกิดจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อถึงยามวิกฤติ สามารถนำออกมาขายลดภาระหนี้ได้

โควิดฉุด  เศรษฐกิจ –อสังหาฯปี65”ทรงกับทรุด” 

เปิดประเทศไม่ช่วย/ปี65ทรงกับทรุด

โดยฟันธงว่าการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาลไม่ช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ต้องการให้เกิดการคาดหวังเพราะแต่ละประเทศไวรัสกลับมาระบาดซ้ำ  ภายหลังจากการเปิดทำกิจกรรม   ขณะตัวเลขติดเชื้อภายในประเทศไทยยังสูง ประชาชนยังรับวัคซีนไม่เป็นไปตามเป้า แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า

หากรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆออกมา เศรษฐกิจจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้  ทางด้านจีนกลุ่มลูกค้าหลักของไทยทั้งภาคบริการและอสังหาฯยังคงงดเดินทางออกนอกประเทศ สะท้อนได้ว่าความคึกคักคงไม่มากนักเพราะจีนเองก็ประสบปัญหาการระบาดรอบใหม่ เศรษฐกิจบอบช้ำจากธุรกิจอสังหาฯขนาดใหญ่ขาดสภาพคล่อง

ดังนั้นความไม่แน่นอนของการกลายพันธุ์ไวรัส ที่ทั่วโลกต่างไม่มั่นใจ ทำให้ การเคลื่อนตัวของนักท่องเที่ยวจึงไปไม่เป็นไปตามเป้า ที่รัฐบาลตั้งไว้เชื่อว่าการระบาดรอบใหม่จะกลับมา นี่คือคำตอบที่ว่าเศรษฐกิจและอสังหาฯปีหน้าจะยังไม่ดีหากระบาดซ้ำอาจติบลบกว่าปี2564

“  ปี2565 เศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในภาวะ“ทรงกับทรุด”  ไม่กลับมาดีกว่าปี2562 ปี2566 อสังหาฯขยับตัวดีขึ้น 60-70% เมื่อเทียบปี2562 ปี2567 จะโตเท่ากับปี2562 “

ในเมืองพัทยาหากใครประคองธุรกิจ ทั้งภาคบริการ และอสังหาฯผ่านไปได้ภายใน4ปี  ถือว่า รอดแต่ หากย้อนมอง2ปีที่อยู่กับโควิด แต่ละค่ายแทบเอาตัวไม่รอด เรียกว่าเมืองใหญ่ท่องเที่ยว ทั้งพัทยา สมุย ภูเก็ต กระบี่ ทรุด ทั้งหมด สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะโรงแรม

โควิดฉุด  เศรษฐกิจ –อสังหาฯปี65”ทรงกับทรุด” 

  New Normal สู่ next normal

นายจักรรัตน์ สะท้อนข้อเท็จจริงว่า หลังเกิดการระบาดโควิด  คนทั่วโลกเข้าสู่ “ความปกติรูปแบบใหม่” (New Normal)    ในทุก ด้าน ทั้งไลฟ์สไตล์ ธุรกิจ  และก้าวสู่การดำเนินชีวิตในโลก”ยุคความผิดปกติถัดไป”(next normal)   มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยเป็นสำคัญ เทคโนโลยีจึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อ ลดการสัมผัส ประตูที่มีเซ็นเซอร์เปิด - ปิดอัตโนมัติในพื้นที่สาธารณะ รูปแบบการจ่ายเงินที่นับจากนี้ไม่มีวันหวลกลับสู่ “ภาวะปกติ”   (Normal)เหมือนที่ผ่านมา

 ดังนั้นนับจากนี้ ทุกชีวิตทุกธุรกิจต้องปรับตัวโดยเฉพาะอสังหาฯซึ่งปัจจุบันยอมรับว่า  ส่วนใหญ่ กำลังปรับตัวและปรับตัวไม่ทัน

“ มีคน 3ประเภท คือ 1.ไม่รู้ว่าต้องปรับตัวและไม่ได้ปรับตัว 2.รู้ว่าต้องปรับแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร 3. กำลังปรับแต่ทำไม่ทันส่งผลให้ ตกอยู่ในภาวะ ซอมบี  จะตายก็ไม่ตายจะโตก็ไม่โต   อยู่ได้เพราะออกซิเจน หากถอดปลั๊ก อาจล้มตายโดยเฉพาะธุรกิจรายกลาง รายเล็ก ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) “

บริษัทมหาชนทั่วไป  ที่อยู่รอดได้เพราะการระดมออกหุ้นกู้ ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อนำมาหมุนเวียนใช้ในธุรกิจ ชำระหนี้คืน ขณะที่อยู่อาศัยรอการขายยังมีอยู่มาก สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อรายย่อยและวนกลับมาขายใหม่ ทำให้ทุกค่ายค่อนข้างเหนื่อย 

ปรับตัว-ปรับวิธีคิดธุรกิจรอด

การตัดสินใจทุบหม้อข้าว ของธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจบริการ หรือการลุกขึ้นสู้ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ มองว่าเป็นทางออกที่ดี เรียกว่า “สู้จะรอด ถ้าไม่สู้อาจตายทันที “  ดังนั้นต้องปรับตัว  เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งการรักษาสภาพคล่องบริหารความเสี่ยง   ขณะเดียวกัน ต้องหาธุรกิจใหม่ๆเข้ามาเสริม ไม่โฟกัสตลาดเดียว หาจุดแข็งความต่างของสินค้าที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน  นำนวัตกรรมมาใช้ เปลี่ยนการพัฒนาแนวสูงเป็นแนวราบ

เปลี่ยนจากตลาด มวลชนผลิตสินค้ามาตรฐานเดียวกัน เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น ลักชัวรี   หรือเปลี่ยนจากลักชัวรีมาเจาะบ้านราคาถูก และกระจายความเสี่ยงจับกลุ่มตลาดเช่าตามเทรนด์ผู้บริโภคเป็นต้น  ขณะนักลงทุนต่างชาติในพัทยาโดยเฉพาะจีนปัจจุบันพบว่ามีการปรับตัวสูง ไม่ซื้อที่ดินเพิ่ม  ชะลอการขึ้นโครงการทั้งหมดแล้ว