Evolution Skin ผุดผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก รุกตลาดอาหารเสริม

23 มี.ค. 2566 | 16:24 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2566 | 16:30 น.

คนไทยป่วยอ้วนลงพุง-เครียดสูง หนุนเทรนด์ลดน้ำหนักและควบคุมอาหารเติบโตต่อเนื่อง Evolution Skin ผุดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคุมน้ำหนักจากสารสกัด African Mango Seed รับดีมานด์คนรุ่นใหม่ตอบรับสารสกัดจากธรรมชาติ หวังดึงลูกค้าใหม่เข้าพอร์ตเพิ่ม 1 ล้านราย

นางสาวปิยลักษณ์ อุดมชาติ ประธานกรรมการ บริษัท เอฟโวลูชั่น สกิน จำกัด เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การลดน้ำหนักและควบคุมอาหารเป็นเทรนด์สุขภาพและความงามที่โดดเด่นในปี 2566 เนื่องจากการขยายตัวของโรค NCD ทั้งโรคอ้วนลงพุงหรือโรคเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมีปัจจัยหนุนมาจากการกินอาหารที่ไม่ดี เน้นบุฟเฟ่ต์ หมูกะทะของหวาน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป 

Evolution Skin ร่วมกับโรงพยาบาลยันฮี จึงเน้นพัฒนาโพรดักซ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมใหม่ๆโดยเฉพาะสารสกัดธรรมชาตินำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีจำนวนงานวิจัยและนวัตกรรมที่ก้าวหน้ากว่าประเทศไทยนับ 10 ปี และมีผลิตภัณฑ์มากกว่า กว่า 11 sku ในกลุ่ม Skincare และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่น Detox อาหารเสริมปรับฮอร์โมนสำหรับกลุ่มวัยทอง และล่าสุดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคุมน้ำหนักที่เน้นการเผาผลาญ คุมหิวจากสารสกัดAfrican Mango Seed และในอนาคตอันใกล้มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์และเซรั่มรักษาฝ้า ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ภายในปีนี้
 


“วัตถุดิบของเราจะเน้นธรรมชาติมากกว่ายา เพราะคนไม่สามารถทานยาไปได้ตลอดชีวิตและเป็นการรักษาอาการหรือแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่สารสกัดจากธรรมชาติสามารถทานได้ในระยะยาวและทดแทนสารอาหารที่มนุษย์ต้องได้รับในแต่ละวัน สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากธรรมชาติโดยเฉพาะในช่วงโควิดเพราะคนกลัวตายมากขึ้น และหันมาดูแลสุขภาพตัวเองเริ่มศึกษาและรับรู้ว่าสารเคมีสามารถสะสมและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว แต่สารสกัดจากธรรมชาติหรือออแกนิกส์จะไม่มีสารตกค้าง 
หรือส่งผลลบต่อร่างกายในระยะยาว”

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายปัจจุบันเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ และระบบตัวแทนที่กำลังเติบโตต่อเนื่องเป็นหลัก โดยมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซกเมนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศ ข้าราชการ หรือแม่บ้าน ทำให้เกิดความท้าทายในการตอบคำถามและดูแลลูกค้าให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้า

“สินค้าเราเป็นมาตรฐานโรงงานยา โรงงานในเครือโรงพยาบาลยันฮี ในไทยมีโรงงานยาน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานอาหารเสริม เพราะต้นทุนการผลิตสูง มาตรฐานสูง แต่เรามีการปรับสินค้าให้แมสมากขึ้นเน้นสินค้าที่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสุขภาพและความงาม Top 3 ของคนไทย เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าง่ายขึ้นและสามารถทานต่อเนื่อง 3-6 เดือน ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม เพราะวิตามิน ไม่ใช่ยารักษา 

เราจะไม่เน้นขายแบบฮาร์ดเซลล์ เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการทางด้านสุขภาพและมีโรคประจำตัวไม่เหมือนกัน ทำให้ยาที่กำลังใช้รักษาโรคประจำตัวไม่ได้ผล ดังนั้นรูปแบบการขายจะเน้นให้ปรึกษาให้ลูกค้าปรับประพฤติกรรมก่อนการกิน การใช้ชีวิตก่อน ถ้าลูกค้าไม่สามารถปรับพฤติกรรมได้เราจะแนะนำอาหารเสริมของเราควบคู่กันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทำให้ธุรกิจของเรายังคงขยายตัวได้ โดยตลาดหลักยังคงเป็นตลาดในประเทศและส่งออกไปยุโรปผ่านตัวแทนรายใหญ่ในสวีเดนเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยในยุโรปซึ่งคุ้นเคยกับแบรนด์ยันฮีดีอยู่แล้ว”

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนา Academy เพื่อพัฒนาคน โดยในปีนี้จะขยายความร่วมมือในระดับองค์กรที่เชี่ยวชาญการตลาดทุกช่องทาง รวมทั้งตั้งเป้าขยายฐานผู้ใช้หรือลูกค้าใหม่ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้กว่า 7 แสนคนทำให้ปัจจุบันมีฐานลูกค้าในระบบกว่า 1 ล้านคน ซึ่งการสะสมลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าให้อยู่กับแบรนด์ได้นานที่สุด จะทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืน พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าขายสินค้าได้อย่างน้อย 3 ล้านชิ้นในปีนี้เติบโตจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 1.5 ล้านชิ้น
 


“ตอนนี้ตัวสินค้าของเรามีคุณภาพ มีแบรนด์ มีนวัตกรรมและผลิตในโรงงานยา แต่สุดท้ายจะต้องใช้คนในการบริการเพราะฉะนั้นเราจะต้องเข้าไป training ในทุกๆจุดทั้งพนักงาน หัวหน้างานและพนักงานที่มีมาตรฐานการตอบที่เหมือนกันโดยมีทีมคุณหมอและทีมเภสัชกรมาช่วย Training ให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตอบคำถาม”

นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะการเตรียมรับมือตลาดผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยพัฒนากลุ่มสินค้าที่ช่วยแก้ไขปัญหานอนไม่หลับ คลายเครียด สอดคล้องกับภาพรวมการแข่งขันในตลาดที่มีแนวโน้มเน้นวิตามินและอาหารเสริมเฉพาะเจาะจง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อตัวเองแม้ว่าปัญหาสุขภาพจะเป็นปัญหาทั่วๆไปทั้งนอนไม่หลับ น้ำหนักมาก อ้วนลงพุง ความดันหรือฝ้า ขณะที่วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในท้องตลาดมีฟังก์ชั่นดูแลและป้องกันครอบคลุมหลายอาการ ดังนั้นจึงอยู่กับแบรนด์ว่าจะชูฟังก์ชั่นไหนขึ้นมาเป็นคีย์ในการทำการตลาดให้ทัชกับผู้บริโภคได้มากที่สุด เพราะแต่ละกลุ่มจะมีทาร์เก็ตเป้าหมายเฉพาะของตัวเอง

“เรามุ่งเน้นสินค้าที่มีคุณภาพและการบริการที่เป็นเลิศเน้นเป็นที่ปรึกษาเพราะผู้บริโภคในปัจจุบันอยากซื้อแต่ไม่อยากโดนขาย เราจะค่อยๆเข้าไปเป็นเพื่อนกับลูกค้า ให้ข้อมูลในสิ่งที่เค้าอยากรู้ เพื่อสร้างตัวตนและค่อยๆใช้การบอกต่อแบบเพื่อนบอกเพื่อน ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับผู้บริโภคเพราะเราต้องยอมรับว่า ธุรกิจนี้ไดรฟ์ด้วยคนถึงแม้จะมี AI หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ตามแต่คนยังต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน เราจึงดูแลลูกค้าเหมือนคนในครอบครัวของเราจริงๆ รวมทั้งให้ Partner ตัวแทน และพนักงานของเราทุกคน มีมายด์เซ็ทแบบเดียวกัน เพราะนี่เป็นหัวใจของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ”