"ประเสริฐ" โต้ รัชนก กล่าวหาไม่ออก พ.ร.ก.เกรงใจนายทุนไม่เป็นจริง

วันนี้ 25 มีนาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี  เปิดเผยในการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 หลัง นางสาวรัชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน กล่าวหารัฐบาลเรื่องปราบปรามซิมม้า บัญชีม้า แก็งคอลเซ็นเตอร์ และ การฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซี โดยไม่มีมาตรการควบคุมรองรับและไม่สามารถออก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เนื่องจาก “ติดหลุมดำนายทุน” ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการกล่าวหาการพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง รัฐบาลต้องชี้แจง

นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นายกฯ (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เข้ามารับตำแหน่งได้ให้ความสำคัญปราบปรามไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์  นายกฯได้สั่งการ กระทรวงดีอี ประชุมป้องกันปราบปรามไซเบอร์ทุกเดือน และ ได้มีการบูรณาการร่วมกันหลายภาคส่วน

“ที่มีการอภิปรายว่ารัฐบาลไม่มีการทำงานร่วมกันเกี่ยงกันทำงานเป็นการปราศจากข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ผม ได้ติดตามการอภิปรายของสมาชิกฯ ข้อมูลหลายด้านไม่รอบด้าน เราได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก รอดพ้นจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนการกล่าวหาออก พ.ร.ก.เกรงใจนายทุนไม่เป็นความจริง เรื่องนี้สถาบันการเงิน โอเปอเรเตอร์ และ แพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นผลประโยชน์ประเทศชาติเกรงใจกันไม่ได้ รัฐบาลมีมาตรการป้องกันปราบปรามแกงคอลเซ็นตอร์หลายมาตากร” นายประเสริฐกล่าว

สำหรับมาตรการที่กระทรวงดีอี ดำเนินการ คือ การจัดตั้งศูนย์ AOC 1441 ให้บริการ 24 ชั่วโมงอายัดบัญชี้ได้ทันที จากเดิมใช้ เวลา 3 วัน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์โทรมายังศูนย์ AOC ทำการอายัดบัญชีทันที ซึ่งที่ผ่านมาได้อายัดบัญชีอย่างน้อย 2 ล้านบัญชี

ส่วนเรื่อง บัญชีม้า การขยายมาตรการระงับบัญชีชั่วคราวจากเดิมธนาคารขอ 3  วัน เป็น  7 วัน และ ได้กำหนดมาตการเปิดบัญชีให้ยากขึ้นธนาคารมีสิทธิเรียกดูแหล่งที่มาของเงิน นอกจากบุคคลธรรมดา และ บัญชีนิติบุคคล ทำงานร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ ปิดบัญชีม้า ไปแล้ว 75,000 บัญชี

มาตรการซิมม้า กสทช. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ออกมาตรการยืนยันตัวตนกรณีถือครองซิมเกิน 6 -100 ซิม ไม่มายืนยันตัวตนระงับทันที ระงับไปแล้วจำนวน  2.4 ล้านเลขหมาย และ จะรับเพิ่มอีก 2.8 ล้านเลขหมาย

ตัดเสาสัญญาณสื่อสารแล้ว 200 ต้น

มาตรการเสาสัญญาณสื่อสาร ระงับการตัดไฟ อินเทอร์เน็ต การทำงานช่วงแรกที่เห็นต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อร่วมบูรณาการแล้วการตัดเสาสื่อสัญญาณได้ผลดูข้อมูลรอบด้านดำเนินการทันที อาคารที่สงสัยถูกลดการใช้พลังงานอาญชญากรรมต้องหาแหล่งไฟฟ้าและย้ายฐานการดำเนินการประเทศอื่น ทำให้ไม่ได้รับความสดวก ได้สั่งรื้อถอนเสาสัญญาณสื่อสารไปแล้ว 200 ต้น ระงับ ซิม บล็อก และ ระงับ Wi-Fi Calling (การโทรไวไฟ)   

มาตรการ ลักลอบข้ามแดนในจุดต่าง ๆ ต้องเรียนว่าได้ทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมตรวจสอบตลอดเวลา มีรายงานทุกสัปดาห์  “กล่าวหาว่าข้าราชการรู้หรือไม่ข้าราชการรายงานมาตลอด”

"จากการดำเนินการมาตรการทั้งหมด ผม ว่ารัฐบาลเดินทางมาถูกทางเมื่อเปรียบเทียบความเสียหายเกิดขึ้นลดลง 50% คดีหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมโทรศัพทืลดลง 88% ความเสียหายลดลง 94% ลิงค์ที่แนบมากับ SMS แทบจะไม่มีแล้ว  ได้ใช้มาตรการ Cleansing Sender Name  คดีหลอกให้กู้เงินลดลง 17% คดีหลอกลงทุนที่กู้ผิดกฏหมายลดลง 62%"

เรื่องกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล PDPA  เรื่องนี้ เราได้มีการดำเนินการต่อเนื่องอบรม และ ตรวจสอบรั่วไหลของข้อมูล โดยจัดตั้งศูนย์  Eagle Eye ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC Eagle Eye เร่งตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ 

นอกจากนี้ได้ปรับบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 7 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการบังคับการปรับค่าใช้จ่าย

ส่วนเรื่อง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เสนอไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา เรื่องนี้มีความซับซ้อนเกี่ยวข้องกฏหมายอื่น ๆ ด้วย ซึ่งสาระสำคัญของ พ.ร.ก.ฯ ดังกล่าวกำหนดรับผิดชอบสถาบันการเงิน โอเปอเรเตอร์  และ สื่อสังคมออนไลน์ เร่งกระบวนการคืนให้ผู้เสียหาย เพิ่มอำนาจการกระทำความผิด เพิ่มบทลงโทษให้ผู้บริการทางการเงิน

“ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสถาบันการเงิน ผู้ประกอบการสื่อสารโทรคมนาคม  และ แพลตฟอร์ม ได้ทำความเข้าใจกับ ดีอี เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ที่กำหนดในส่วนความเสียหายประชาชน” นายประเสิรฐ กล่าว

นายประเสิรฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า   ระงับบัญชีม้า 1.92 ล้านบัญชี ระงับบัญชีต้องสงสัยได้ 547,558 บัญชี  มูลค่าความเสียหาย 19,000 ล้านบาท กวาดล้างซิมม้า 2.4 ล้านเลขหมาย ระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ 2.8 ล้านเลขหมาย เป้าหมายสูงสุดของรัฐบาล คือ ให้ประชาชนปลอดภัยจากแก็งคคอลเซ็นเตอร์เพื่อให้ความเสียหายลดลง.