จับตาสอย 100 สว.ฮั้วเลือกตั้ง ต้อน“น้ำเงิน”เข้าค่าย“แดง”

เริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว สำหรับการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ “ฮั้ว สว.” ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย 10 คำร้องมีการส่งฟ้องไปศาลฎีการแผนกคดีเลือกตั้งแล้ว และเรื่องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้นพบ 27 คำร้องที่เข้าข่ายการ “ฮั้ว” 

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ถึงการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการฮั้วเลือก สว. ว่า กกต.เร่งดำเนินการโดยไม่ล่าช้า แต่ต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายชี้แจงข้อเท็จจริง โดยบางกรณีอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับพยานจำนวนมาก 

ทั้งนี้ กกต.เริ่มดำเนินการหลังการเลือกระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2567 และ แม้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพิ่งเริ่มรับเรื่อง กกต.ก็ได้มีมติรับเรื่องมาดำเนินการเอง และจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในบางกรณี

27 เรื่องร้องเรียนเข้าข่ายฮั้ว สว.  

นายอิทธิพร กล่าววว่า คำร้องการเลือก สว.ฝ่าฝืนตามมาตรา 77 (1) หรือที่เรียกว่า “ฮั้ว” มีผู้มาร้องต่อ กกต.ทั้งสิ้น 220 เรื่อง และ กกต.จะรับจากดีเอสไอ อีก 3 เรื่อง เมื่อรับมาแล้วก็ตั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เป็นคณะสืบสวนไต่สวนร่วมกับ กกต.ด้วย เมื่อทำเช่นนี้แล้วก็มีความมั่นใจว่า กระบวนการไม่ได้เริ่มต้นจากหนึ่ง แต่จะดำเนินการต่อเนื่องจาก 3 เรื่องของดีเอสไอ

เมื่อถามว่าคำร้อง 220 เรื่อง มีหลักฐานอะไรที่จะมองได้ว่าเป็นการฮั้ว สว. นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องยังไม่ถึงที่ประชุม กกต.บางเรื่องก็มาถึงแล้ว แต่หลักฐานไม่ชัดเจน ยังไม่ถึงขั้นจะเป็นการฮั้ว 

“แต่ดูแล้วเรื่องที่จะเข้าข่ายการฮั้วมี 27 เรื่อง แต่เรื่องยังมาไม่ถึงที่ประชุม กกต. เมื่อมาถึงแล้ว กกต.ก็สามารถพูดได้ว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอในการตัดสิน หรือไม่จะต้องสอบสวนต่อ”

ประธาน กกต.ย้ำด้วยว่า กกต.จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่กระทบต่อความยุติธรรม และขณะนี้ยังไม่มีพยานที่ต้องกันตัวหรือขอความคุ้มครอง

ส่งฟ้องศาลฏีกาแล้ว 10 คำร้อง

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้ง สว. ว่า มีคำร้องที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. รวมทั้งสิ้น 577 เรื่อง พิจารณาแล้ว 228 เรื่อง และส่งฟ้องศาลฎีกาแล้ว 10 เรื่อง โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. กกต.มีมติส่งฟ้องเพิ่มอีก 1 เรื่อง ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เช่น การให้ทรัพย์สินหรือจัดเลี้ยงเพื่อแลกกับคะแนนเสียง

สำหรับคำร้องที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา มีจำนวน 267 เรื่อง ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุวินิจฉัยแล้วถึง 107 เรื่อง โดย กกต.กำลังเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 1 ปีตามที่กฎหมายกำหนด

                          

ดึงดีเอสไอร่วมสอบฮั้ว สว.

นายอิทธิพร กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมตรวจสอบกรณีฮั้วเลือก ส.ว. ว่า เป็นการทำงานร่วมกันโดยไม่ซ้ำซ้อน กกต.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ  3 คน เข้ามาเป็นกรรมการร่วมในคณะสืบสวนไต่สวนพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานและเร่งรัดการดำเนินคดี

โดยในเบื้องต้นดีเอสไอ แจ้งว่า มีคดีที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่ง กกต.รับเป็น “ความปรากฏ” และตั้งคณะสอบสวนขึ้นมาเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าทั้งสองหน่วยงานจะทำงานเสริมกันโดยไม่เกิดความซ้ำซ้อน

7 กรรมการสืบสวน-ไต่สวน สว.  

ก่อนหน้านั้น มีรายงานว่า ในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2568 กกต. มีมติแต่งตั้งข้าราชการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา 42 พ.ร.ป.กกต. เพื่อเดินหน้าคดีฮั้ว สว.  

ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน 7 คน มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับ ความปรากฏว่ามีการ “ฮั้ว สว.”ระดับประเทศ ประกอบด้วย 

1. ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน 2. พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันด์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ, 3. นางสุทธดา คงเดชา ผอ.สำนักสืบสวน สอบสวน 1, 4. นายชาญชัย สมาคม ผอ.สำนักสืบสวน สอบสวน 2 

5. นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ดีเอสไอ 6. นายเอกรินทร์ ดอนดง ผอ.ส่วนวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์พิเศษ คดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ และ 7.นายประเคียง เพียรดี ผอ.ฝ่ายสืบสวน สอบสวน 5 

ดีเอสไอเปิด“โพยฮั้ว สว.” 

ด้านแหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 มีพยานเอกสาร (โพยฮั้ว สว.) ให้เลือกหมายเลข ระดับประเทศ ชุด A และ ชุด B รวม 140 คน ปรากฏรายชื่อตั้งแต่กลุ่มที่ 1 ถึงกลุ่มที่ 20 พบมีเบอร์ให้เลือก คือ  

                        

กลุ่ม 1 ให้เลือกเบอร์ 7, 111, 84, 49, 45, 126, 148

กลุ่ม 2 ให้เลือกเบอร์ 20, 55, 110, 124, 136, 129, 18

กลุ่ม 3 ให้เลือกเบอร์ 123, 133, 112, 104, 51, 150, 140 

กลุ่ม 4 ให้เลือกเบอร์ 66, 47, 127, 59, 84, 100, 106 

กลุ่ม 5 ให้เลือกเบอร์ 111, 145, 65, 125, 108, 118, 26 

กลุ่ม 6 ให้เลือกเบอร์ 79, 23, 40, 33, 152, 43, 16, 51 

กลุ่ม 7 ให้เลือกเบอร์ 56, 8, 98, 10, 116, 23, 20 

กลุ่ม 8 ให้เลือกเบอร์ 10, 83, 121, 102, 17, 57, 143 

กลุ่ม 9 ให้เลือกเบอร์ 56, 131, 11, 121, 60, 104, 26 

กลุ่ม 10 ให้เลือกเบอร์ 109, 24, 99, 123, 40, 80, 95 

กลุ่ม 11 ให้เลือกเบอร์ 141, 10, 81, 104, 26, 75, 130 

กลุ่ม 12 ให้เลือกเบอร์ 65, 52, 47, 32, 23, 19, 27 

กลุ่ม 13 ให้เลือกเบอร์ 65, 111, 36, 123, 39, 1, 9

กลุ่ม 14 ให้เลือกเบอร์ 140, 15, 17, 148, 128, 24, 21 

กลุ่ม 15 ให้เลือกเบอร์ 50, 3, 58, 2, 35, 116, 123 

กลุ่ม 16 ให้เลือกเบอร์ 143, 112, 24, 59, 109, 69, 148 

กลุ่ม 17 ให้เลือกเบอร์ 56, 83, 130, 23, 117, 21, 132 

กลุ่ม 18 ให้เลือกเบอร์ 127, 18, 111, 129, 144, 37, 22 

กลุ่ม 19 ให้เลือกเบอร์ 3, 5, 122, 22, 2, 152, 108

กลุ่ม 20 ให้เลือกเบอร์ 4, 106, 144, 45, 81, 31, 100

ทั้งนี้ พบว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง สว. จำนวน 138 คน และเป็นสำรอง 2 คน เกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม 

จับตาสอย 100 สว.

สำหรับกรณีการตรวจสอบ “ฮั้ว สว.” มีกระแสข่าวสะพัดออกมาว่า อาจจะมีการ “สอย” สว. ถึง 100 คน 

ขณะเดียวกันกรณีดังกล่าว ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองที่พรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาล มีความพยายามจะบีบให้ “สว.” ที่ถูกเรียกกันว่า เป็นคนค่าย “น้ำเงิน” เปลี่ยนไปเป็นคนของอีกสีเสื้อหนึ่ง โดยเฉพาะสี “แดง” เพื่อให้อำนาจต่อรองเปลี่ยนแปลงไป 

เหตุผลที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการมี “สว.” มาเป็นพันธมิตรทางการเมือง ในปริมาณที่มากพอ ก็เพราะการผ่านกฎหมายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะ “กฎหมายด้านการเงิน” ที่มีหลายฉบับเตรียมเสนอเข้าสภาฯ หากไม่ผ่านในชั้น “วุฒิสภา” หรือ วุฒิสภาไม่เอาด้วยกับกฎหมายของรัฐบาลที่เสนอ รัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ก็อาจมีปัญหาได้

ขณะเดียวกัน สว.ชุดปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่ถูกเรียกว่า “สว.น้ำเงิน” มีอำนาจในการเห็นชอบ-ไม่เห็นชอบกับการแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระหลายแห่ง ที่ต้องมีการสรรหาคนใหม่แทนคนเก่าที่หมดวาระ 

 

หากปล่อยให้ สว.ส่วนใหญ่ ยังเป็นคนของ “ค่ายน้ำเงิน” ก็คงไม่ส่งผลดีต่อ “ค่ายสีแดง” เป็นแน่ 

ดังนั้น ต้องจับตาให้ดีอาจจะมีการสอย สว. ถึง 100 คน เพื่อบีบให้ สว.สำรอง ที่เข้ามาเสียบแทน อิงแอบกับ “ค่ายแดง” เว้นเสียแต่ว่า “สว.เปลี่ยนสี” ก็อาจมีการ “สอย” ไม่ถึงในปริมาณที่ว่ามา... 

รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4081 โดย...ทีมข่าวการเมือง