วันที่ 28 ม.ค.2568 นายหลิว จงอี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะเข้าหารือ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา
พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้ขอความร่วมมือทางการไทยในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกระบวนการค้ามนุษย์ หลังพบว่าประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่าน ของเครือข่ายดังกล่าวไปยังประเทศเมียนมา โดยเฉพาะตำรวจซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปรามและจับกุม พร้อมสกัดกั้น เกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว
ยกตัวอย่างในกรณีของ“หวัง ซิง” ที่มีการเดินทางมาประเทศไทย ก่อนที่จะถูกหลอกข้ามไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ประมาณ 30 คน โดยขณะนี้จับได้แล้ว 20 คน และไม่พบว่ามีคนไทยไปเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางการไทย ที่สามารถกดดันและช่วยเหลือให้ “หวังซิง” ออกมาได้ โดยเรื่องนี้ทางการจีนก็มีความกังวลเป็นอย่างมาก
รวมทั้งกรณี “ฉือ จื้อเจียง“ ที่ก่อนหน้าให้ข้อมูลกับตำรวจสากลว่า มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต ภายใต้การคุมขังภายในคุกไทย เพราะได้รับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม อ้างว่าถูกคุมขังเดี่ยว ล่ามโซ่ และปฏิเสธไม่ให้ได้รับการรักษาพยาบาล จากอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง รวมถึงปฏิเสธไม่ให้พบปะกับครอบครัว
โดยจากการพูดคุยกับทางการจีนที่เข้าพบในวันนี้ ให้เหตุผลว่าต้องการตัวฉือ จื้อเจียง กลับไปดำเนินคดีที่จีน เนื่องจากเป็นอาชญากรรมอันดับ 1 เกี่ยวกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ แต่ขณะนี้การดำเนินคดียังอยู่การอุทธรณ์ในชั้นศาล แล้วตัวยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อครบโทษหรือมีการพิจารณาแล้ว เข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับทางการจีน ส่วนข้อเรียกร้องที่มีกระแสข่าว ว่าถูกคุกคามในเรือนจำนั้น ในที่ประชุมไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ยอมรับว่ามีการใช้ไทยเป็นทางผ่านของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปฏิเสธไม่ได้ว่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องของการปรับลดการจัดลำดับเทียร์ เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนในปัญหาการค้ามนุษย์ ดังนั้นไทยจึงต้องเพิ่มมาตรการเข้ม โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตอย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ประกอบการมีความพยายามลักลอบในการเชื่อมสัญญาณอยู่ เนื่องจากมีผลประโยชน์มหาศาล
ดังนั้นทางการไทยก็ต้องแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งในเรื่องของการโยกย้ายตำรวจในสามพื้นที่ ซึ่งมองว่าเป็นการบริหารงานบุคคลเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะขณะนี้ยังไม่พบว่าผู้กำกับในสามพื้นที่รวมทั้งข้าราชการอื่นๆ มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
"การที่ทางการจีนเลือกมาเจรจากับไทย เนื่องจากคิดว่าประเทศไทยเป็นมิตรและมีความสัมพันธ์มายาวนาน อีกทั้งการเดินทางมาประเทศไทยสะดวก แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการคุยกับทางการของเมียนมา "
ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการส่งตัวเหยื่อค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมาให้ยังทางการไทย จำนวน 61 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวต่างชาติหลายสัญชาติและไม่มีคนไทย มายังอ.แม่สอด จ.ตาก โดยหลังจากนั้นทางตำรวจจะนำตัวทั้งหมดเข้าขบวนการกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หรือการคัดแยกคัดกรองผู้เสียหายว่าจะเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ต่อไป
ที่มาข้อมูล-ภาพ