“ฐากร” ชี้ตัดงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” 100% ส่อขัดกฎหมาย 2 ฉบับ

31 ก.ค. 2567 | 17:48 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2567 | 17:55 น.

“ฐากร” ชี้ตัดงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000” 100% ชี้ส่อขัดกฎหมาย 2 ฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 มาตรา 21 และ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 43

วันนี้ 31กรกฎาคม 2567 ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 122,000ล้านบาท วาระ 2 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ขอสงวนคำแปรญัตติไว้ โดยได้ลุกขึ้นกล่าวอภิปราย ว่า เสนอขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 จำนวนทั้งสิ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขอเรียนว่าการอภิปรายวันนี้บีบหัวใจจริงๆ เห็นใจพี่น้องประชาชน อยากให้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท ไปถึงมือพี่น้องประชาชน แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้นส่อขัดกฎหมาย 2 ฉบับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 มาตรา 21 และรัฐบาลวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 43

พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 มาตรา 21 กำหนดไว้ว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลและความจำเป็น ที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไปได้

ความหมายก็คือร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ในปีหน้าถ้าเสนอเข้ามาแล้ว หมายถึงว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ไม่สามารถที่จะเสนอเพิ่มเติมเข้ามาได้ เนื่องจากว่ารัฐบาลได้เสนองบประมาณรายจ่ายปี 2568 ต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายฐากร กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ไปกว่านั้นอีก ในคำของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 และ งบประมาณปี 2568 รายการที่เสนอขอเข้ามาเป็นรายการเดียวกัน คือดิจิทัลวอลเล็ต 10000  ทั้งนี้ เพราะการเสนอขอตั้งงบปี 2568 โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไว้ที่ 152,700 ล้านบาทเท่านั้น ไม่สามารถตั้งให้ครอบคลุมงบประมาณทั้งหมด 450,000 ล้านบาท จึงเลี่ยงโดยขอย้อนกลับไปตั้งงบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 มาอีก 122,000 ล้านบาท การกระทำดังกล่าวนี้ส่อว่าจะขัดกฎหมาย 

นายฐากร อภิปรายต่อว่า การเสนองบฯเพิ่มเติมปี 2567ยังส่อขัด พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 43 ที่ว่าการขอเบิกเงินจากคลังตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณใด ให้กระทำได้แต่เฉพาะภายในปีงบประมาณนั้น ก็คือปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลต้องเบิกเงินให้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 จะมีข้อยกเว้นในวรรคที่ 2 กรณีที่ไม่สามารถเบิกเงินจากคลังได้ภายในปีงบประมาณให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังได้ เฉพาะในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกเงินจากคลังไปเรียบร้อยแล้ว สรุปคือจะกระทำได้ต้องมี 2 เงื่อนไข คือ 1.หน่วยรับงบประมาณได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว 2.ได้รับการกันเงินจากคลังแล้ว

"ตามไทม์ไลน์ของดิจิทัลวอลเล็ตในกรอบงบประมาณปี 2567 เริ่ม 1 ตุลาคม ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 วันนี้รัฐบาลได้เสนองบเพิ่มเติมเข้ามาอีก 122,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ขอยืนยันว่าไม่ใช่การก่อหนี้ผูกพันแต่ประการใด เพราะการก่อหนี้ผูกพันจะต้องมีการลงนามในสัญญาให้ทันภายในวันที่ 30 กันยายนเท่านั้น”นายฐากรกล่าว

นายฐากร กล่าวอีกว่า การที่ประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อยื่นขอเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 จึงไม่ใช่การก่อหนี้ผูกพัน งบประมาณดังกล่าวจะต้องตกไป อย่างไรก็ตามได้เสนอทางออกให้ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 ถ้าไม่ทันวันที่ 30 กันยายน 2567 สามารถทำได้คือ

1.ใช้เงินที่รัฐบาลกันไว้แล้วจากเงินงบกลางจำนวน 430,000 ล้านบาท

 2.เงินจากงบเพิ่มเติมปี 2567 อีก 122,000 ล้านบาท ให้รัฐบาลแจกเงินดังกล่าวผ่านแอปเป๋าตังหรือเป็นเงินสดให้ประชาชน จำนวน 16.5 ล้านคนในกลุ่มเปราะบางให้เสร็จก่อน 30 กันยายนนี้ จะทำให้เงินดังกล่าวสามารถใช้ได้ถูกต้องตามระเบียบ.