ตำรวจตัดตำรวจ วงการสีกากีเละ รอ“ผู้มีบารมี”หย่าศึก

20 มี.ค. 2567 | 06:30 น.
2.8 k

ตำรวจ“ตัด”ตำรวจวงการสีกากีเละ รอ“ผู้มีบารมี”หย่าศึก : รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3976 โดย...ทีมข่าวการเมือง

KEY

POINTS

 

  • “ทีมบิ๊กโจ๊ก”ออกโรงแฉเส้นทางเงินเว็บพนันเชื่อมโยงนายพล ต. ภรรยา ก. พี่สาว จ. และ พี่ชาย ช. 

 

  • “นายกฯเศรษฐา”บอกไม่ยุ่งคดีบิ๊กโจ๊ก ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายตำรวจไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว

 

  • ฤาถึงเวลาแล้วที่ “ผู้มีบารมี” ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล จำเป็นจะต้องออกโรง “หย่าศึก” เสียเอง 
     

แรงมาก็แรงไป เป็นสถานการณ์ที่ระอุอยู่ในวงการ “สีกากี” ขณะนี้ ซึ่งเป็นการเปิดศึก “ห้ำหั่น” กัน 2 ฝ่าย  

ระหว่างฝ่ายของ  บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน + พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ กับ ฝ่ายของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 + พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีตผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ก็คือ มีการแฉกันไป-มา เกี่ยวกับการรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ โดยมีคนระดับ “บิ๊กตำรวจ” ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เข้าไปพัวพัน

แฉเงินพนันโยงบิ๊กตำรวจ 

โดยล่าสุด พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ได้เปิดแถลงเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2567 ที่โรงแรมในซอยสุขุมวิท 22 กทม. ว่า ในฐานะผู้ต้องหาของคดีใน สน.ทุ่งมหาเมฆ ขอชี้แจงถึงความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล แอดมินเว็บพนัน BNK MASTER ซึ่งพบว่า ในแถวหนึ่งพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีของ นายพล “ต.” ภรรยา “ก.” พี่สาว “จ.” พี่ชาย “ช.” 

เหตุที่ตนตกเป็นผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากการที่ตนได้ทำสำนวนคดี “เป้รักผู้การ” ใน จ.ชลบุรี เรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท โดยการสืบสวนในครั้งนั้นพบว่ามี พ.ต.อ. “ด.” มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมาย และยังมีธุรกรรมทางการเงินไปยังบุคคลอื่นอีกหลายราย 

โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูง รวมถึงการทำคดี “กำนันนก” ซึ่งสาเหตุที่ออกมาพูดครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะและโอกาส ตอนนี้ไม่กังวลแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมน้อมรับ

ส่วนประเด็น พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีต รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ใช้บัญชีม้าทำธุรกรรมการเงินนั้น พล.ต.ต.นำเกียรติ ชี้แจงว่า หากเป็นบัญชีม้าจริง เข้ามาก็ต้องถอนเงินสดออกหมดไม่ให้เห็นเส้นทาง แต่กรณีนี้มีเส้นทางการเงินให้เห็นทั้งหมด และตนไม่ได้รู้จักกับ น.ส.มินนี่ จะไปเรียกรับเงินได้อย่างไร 

สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีกับ ผบ.ตร. ก็ถือเป็นการใช้สิทธิ์ เพราะเส้นทางการเงิน พบมีการรับโอนเงินจากคลิปมาจำนวน 9 ครั้ง ก็ถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่ในขณะที่ตำรวจบางนายรับเงินจากคลิปมากกว่านั้น แต่กลับไม่ถูกแจ้งความดำเนินคดีใด ๆ ไม่ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือน จึงไม่มีความเป็นธรรมสำหรับตน จึงต้องใช้สิทธิ์เพื่อปกป้องตัวเอง

เปิดเส้นทางเงินพนัน 

ขณะที่ นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ พร้อม นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนัน BNK MASTER ก็ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีศาลอาญาออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลังพบความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีเว็บพนัน BNK MASTER โดยมีกำหนดนัดหมายที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ในวันที่ 21 มี.ค.นี้

นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า ภายหลังทีมทนายความได้แถลงข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังคงมีความพยายามออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปรับทราบข้อกล่าวหา วันนี้พวกตนได้รับมอบอำนาจให้เป็นคณะที่ปรึกษากฎหมายจาก บิ๊กโจ๊ก เพื่อแถลงข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกับความจริง ไม่ว่าจะเรื่องการทำบุญทอดกฐินพระราชทาน และการซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 

สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงทางการเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับเว็บพนัน BNK MASTER ทีมทนายความได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน และบัญชีทั้งหมด 34 บัญชี และสอบถามกับเจ้าตัวพร้อมเอกสารประกอบ ก็ไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด 

แต่กลับมีความพยายามนำไปผูกโยงกับคดีเว็บพนันมินนี่ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งพบว่า เส้นทางการเงินของผู้ต้องหาในคดีมินนี่ มีบัญชีของ น.ส.พิมพ์วิไล แอดมินผู้ทำเว็บ เชื่อมโยงกับบัญชีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีต รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก 

และยังมีการโอนเงินจาก น.ส.พิมพ์วิไล กว่า 10 ล้านบาท ไปยังผู้ต้องหาในคดีเว็บ BNK MASTER ของ สน.เตาปูน ดังนั้น คดีนี้จึงเกี่ยวข้องกับคดีมินนี่ ที่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของ ป.ป.ช. ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ 

อินทรีเลือกเหยื่อ

ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า วงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK MASTER รวมกว่า 400-600 ล้านบาท ยังเข้าข่ายความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แต่กลับไม่มีการส่งเรื่องไปให้ และในคดี BNK MASTER ยังมีบัญชีของตำรวจรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางราย มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลใด ทำตัวเหมือนอินทรีเลือกเหยื่อหรือไม่ 

และที่ผ่านมามีการร้องขอความเป็นธรรม ในการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนมาแล้วถึง 3 ครั้ง เพราะเกรงว่าจะทำงานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมา ซึ่งได้ทำเรื่องร้องขอไปยัง ป.ป.ช.ในการดูแลคดีแล้วเช่นกัน

นายณัฐวิชช์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไปรายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่นั้น เจ้าตัวยังไม่ได้ตอบรับ แต่ทีมทนายจะพิจารณาว่าคณะทำงานของคดีนี้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทางคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมี เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไปแล้ว 

                    ตำรวจตัดตำรวจ วงการสีกากีเละ รอ“ผู้มีบารมี”หย่าศึก

โต้ใช้บัญชีม้าฟอกเงิน

ขณะที่ นายวราชันย์ กล่าวว่า กรณีการนำเสนอข่าวพบใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่บริจาคเงินวัดศาลาปูน 2 แสนบาท เกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีม้าฟอกเงินหรือไม่นั้น พบว่า ข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ถูกนำมาเผยแพร่หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเข้าตรวจค้นจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดเอกสารต่างๆ ในรถของผู้ต้องหา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงสั่งให้ผู้ใกล้ชิดตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า บัญชีที่มียอดตรงกับใบอนุโมทนาบัตรฉบับนี้ เป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้อยู่ ซึ่งได้สอบถามกับเจ้าตัวระบุว่า รายการโอนเงินดังกล่าว เกิดขึ้นวันที่ 9 ก.ย. 2565 ซึ่งมี น.ส.หลุ่ย มอบเงินสดส่วนตัวให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ นำไปใช้ทำบุญทอดกฐินกับวัดศาลาปูน 

โดย น.ส.หลุ่ย ให้ น.ส.จุ๊บแจง เลขาฯ ส่วนตัว ส่งรายชื่อกับข้อมูลส่วนตัวต่อ พ.ต.ท.คริษฐ์ ผ่านไลน์ ไปยื่นแก่วัดศาลาปูน เพื่อออกใบอนุโมนาบัตรแก่ น.ส.หลุ่ย ต่อมา พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้โอนเงินพร้อมส่งสลิปการโอนเงินไปให้พระอาจารย์ในวัดศาลาปูน เพื่อร่วมทำบุญตามความประสงค์ และภายในวันเดียวกัน วัดศาลาปูนได้ออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของ น.ส.หลุ่ย

สำหรับใบอนุโมทนาบัตรของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น ลงวันที่ 29 ต.ค.2565 ในวันทอดกฐินพระราชทานที่เจ้าตัวเดินทางไปร่วมทำบุญด้วยตัวเอง พร้อมมอบเงินสดส่วนตัวกับเงินที่ได้รวบรวมมา ไปทำบุญให้วัดศาลาปูน ก่อนจะออกใบอนุโมทนาบัตรในวันเดียวกัน 

“ขณะนี้ทีมทนายความกำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ เนื่องจากใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าแต่อย่างใด”

ส่วนที่มีข่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำเงินที่ได้จากเว็บการพนันไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในราคา 13,100 บาท ทีมทนายได้ตรวจสอบแล้ว พบเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จำนวน 3 ที่นั่งของ เจ้าตัว ภรรยา และ บุตร ที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายตั๋ว เพื่อเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป หาดใหญ่ โดยเดินทางไปวันที่ 11 มี.ค. 2565 กลับวันที่ 13 มี.ค.2565 ซึ่งมีหลักฐานการสนทนาซื้อตั๋วกับตัวแทนผ่านทางไลน์ 

“เชื่อว่าชุดจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวเอาไว้ ก่อนมีการนำเสนอข่าวนี้ไปเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.แต่อย่างใด” 

ทีมทนายความบิ๊กโจ๊ก ยังระบุว่า มีบัญชีของแต่ละบุคคลและชื่อแล้ว หลังจากนี้ จะยื่นข้อมูลให้ ป.ป.ช. ดีเอสไอ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการกับเส้นเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี

...การเปิดศึกซัดกันไป ซัดกันมา ระหว่าง 2 ฝ่ายบิ๊กตำรวจ หากปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ ภาพลักษณ์วงการตำรวจ มีแต่จะเสียหายหนักยิ่งขึ้น

...ฤาถึงเวลาแล้วที่ “ผู้มีบารมี” ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล จำเป็นจะต้องออกโรง “หย่าศึก” เสียเอง... 

++++

นายกฯไม่ยุ่งคดีบิ๊กโจ๊ก 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2567 ที่จ.เชียงใหม่ ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ถูกออกหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินเว็บพนัน ว่า ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ปัจจุบันถูกออกหมายเรียก แต่ยังไม่ได้แจ้งจับ ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ระหว่างนี้ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม 

“ตอนนี้กระบวนการไปอยู่ที่เรื่องของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ฝ่ายตำรวจก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว”

ส่วนที่มีหลายคำถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาเดินตามนักการเมืองระดับสูง เกรงว่าจะให้ช่วยเรื่องคดีหรือไม่ นายกฯ ถามกลับว่า “หมายถึงผมใช่หรือไม่ ผมไม่มี” พร้อมย้ำว่า  “ไม่มี ไม่มีการพูดถึงเรื่องคดีของใครทั้งสิ้น เขารู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร เรื่องพวกนี้ผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ให้ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย”