เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

13 ก.พ. 2567 | 15:31 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2567 | 16:35 น.

เปิดข้อมูลอีกด้านจากตำรวจ “ปมจับนักข่าวประชาไท” ตามหมายจับของศาลอาญา ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยเบื้องหลังและพยานหลักฐานก่อนตัดสินใจเข้าจับกุมดำเนินคดี นายณัฐพล เมฆโสภณ หรือ เป้ ผู้สื่อข่าวของ "ประชาไท" ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค.2566 ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ ซึ่งก็คือการพ่นข้อความคัดค้านมาตรา 112 ที่กำแพงวัดพระแก้ว 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

โดยหลักฐานของตำรวจ เป็นภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ที่ยืนยันว่า นายณัฐพล ที่อ้างว่าทำหน้าที่สื่อมวลชนนั้น แท้ที่จริงได้ร่วมประชุมวางแผนกับกลุ่มผู้ก่อเหตุพ่นสีบริเวณกำแพงวัดพระแก้ว ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุ 1 วัน 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

จากหลักฐานกล้องวงจรปิด พบว่า ช่วงเย็นถึงค่ำก่อนก่อเหตุพ่นสี นายณัฐพล พร้อมพวก ซึ่งมีบางคนร่วมก่อเหตุพ่นสีที่กำแพงวัดพระแก้ว ได้ไปพบปะหารือเพื่อวางแผนและเดินสำรวจสถานที่ก่อเหตุ ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

 

จากนั้น ในวันเกิดเหตุ คนกลุ่มเดิมได้ไปรวมตัวกันเวลา 16.00 น. กระทั่งเวลา 17.40 - 18.00 น. ทุกคนเข้าประจำจุดและทำหน้าที่ของตนเอง 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

ระหว่างที่ นายศุทธวีร์ ผู้ต้องหาที่พ่นสี ดำเนินการก่อเหตุ โดย นายณัฐพล มีหน้าที่ถ่ายภาพ ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนเป็นผู้หญิง ทำหน้าที่ไลฟ์สด อีกคนหนึ่งเป็นชาย ทำหน้าที่ถ่ายวีดีโอ / เพื่อนร่วมกลุ่มที่เป็นชายอีกคน ทำหน้าที่ถ่ายภาพนิ่ง / และสุดท้าย คือ ตะวัน หรือ ทานตะวัน ที่เพิ่งมีกรณีขบวนเสด็จ เป็นผู้กระจายคลิปและภาพต่างๆ โซเชียลฯ

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

ภาพจากกล้องวงจรปิด ชัดเจนว่า นายณัฐพล เข้าที่เกิดเหตุก่อนที่จะมีการก่อเหตุ และมีพฤติกรรมรอถ่ายภาพที่ นายศุทธวีร์ เตรียมดำเนินการ และกำลังดำเนินการ เพราะปกติหากไม่ทราบแผนมาก่อน จะไม่สามารถนำอุปกรณ์มาถือรอถ่ายภาพขณะก่อเหตุได้เลย และยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดการนัดพบปะกันของคนกลุ่มนี้ล่วงหน้าด้วย

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

วันที่ 13 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง นำตัว นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ อายุ 35  ปีกับ นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาณ ขีด เขียน พ่นสีหรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆซึ่งข้อความ ภาพหรือรูปรอยใดๆที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ในที่สาธารณะ มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 13 - 24 ก.พ. 2567

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่28 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 17.40 น. เวลาเกิดเหตุ ส.ต.ต.วราวุฒิ เทศวงษ์ และ ส.ต.ต.พชรพล แสงภารา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพยานได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขตพระราชฐาน (พระบรมมหาราชวัง) โดยใช้รถจักรยานยนต์ของทางราชการเป็นยานพาหนะออกตรวจรอบพระบรมมหาราชวัง ทั้งหมด 5 จุด และได้ออกตรวจเป็นรอบเวลา

ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ พยานทั้งสองได้ออกตรวจรอบเขตพระราชฐานพระบรมมหาราชวัง ก่อนถึงจุดตรวจที่ 4 พยานทั้งสองได้หยุดรถ ถ่ายภาพบริเวณจุดตรวจเพื่อส่งภาพรายงานทางกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เมื่อตรวจครบทั้ง 5 จุด ขณะพยานทั้งสองกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจต่อไป ส.ต.ต.พชรพล พยานได้พบเห็นเหตุการณ์ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ ได้ใช้กระป๋องสีสเปรย์พ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าโดยสามารถจับกุมตัว นายศุทธวีร์ พร้อมยึดสีสเปรย์ของกลางได้ ในขณะกระทำความผิด

โดยมีผู้กล่าวหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.พระราชวัง ได้ออกตรวจตามวงรอบผ่านมาพบเหตุจึงได้เข้าร่วมจับกุม และได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบตามกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนายศทธวีร์ พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของผู้ต้องหาที่หนึ่งตรวจสอบพบว่าวันก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาที่หนึ่งได้เดินทางมาที่สนามหลวงและพูดคุยกับนายศุทธวีร์ สร้อยคำ และได้ไปร่วมนั่งรวมกลุ่มที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ในวันเกิดเหตุ จากนั้น เวลา 17.35 น. อยู่หน้าร้านกาแฟอเมซอนข้างกระทรวงกลาโหมประมาณ 20นาที ลักษณะเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย ต่อมาเวลา 17.39 น.

นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยืนถ่ายภาพอยู่ที่ถนนหน้าพระลานตรงป้อมเผด็จฯ (ถ่ายภาพมุมด้านหน้า) ขณะที่ นายศุทธวีร์ก่อเหตุพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวังและเข้ามาถ่ายภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายศุทธวีร์ แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1ได้รู้มาก่อนแล้วว่านายนายศุทธวีร์ จะมาก่อเหตุ

จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของ นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 2 ตรวจสอบ พบว่าเมื่อเวลา 16.56 น. ผู้ต้องหาที่ 2 เดินขึ้นมาจาก ถนนใต้อุโมงค์ ฝั่ง ม.ศิลปากร ถ.หน้าพระธาตุ และเดินอยู่ภายในสนามหลวง อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ ลักษณะการเดินไปเดินมาเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย ต่อมาเวลา 17.39 น. ผู้ต้องหาที่2 ยืนรอถ่ายภาพอยู่ตรงบริเวณมุมสนามหลวง ฝังทิศตะวันตก (มุมถ่ายภาพจากทางขวา)

ขณะนายศุทธวีร์ กำลังก่อเหตุพ่นสีกำแพง ซึ่งรู้มาก่อนแล้วว่าจะมีคนก่อเหตุ เพราะคนปกติทั่วไปหากไม่ทราบแผนการมาก่อนก็ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือ มาถือรอถ่ายภาพขณะนายศุทธวีร์ ก่อเหตุได้(ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด) พนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ช่วงเดือน พ.ค.66

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 15.06 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณร้านข้าวมันไก่ ถนนเจริญกรุงกรุงเทพมหานคร และเวลา 14.50น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่2 บริเวณกลางซอยประชาอุทิศสี่แยก 1-2 แขวงราษฎร์บูรณะ กทม. 

เหตุเกิดที่ บริเวณกำแพงพระบรมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แขวงพระบรมมหาราชวังเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลายทำให้เสื่อมคาหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะ และ ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือ ข้อแก้ตัวอันสมควร" อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
มาตรา 32 วรรคแรก และพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา12, มาตรา56 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,84,86 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 2 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติด กับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะ"  อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
มาตรา 32 วรรคแรก และพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา12, มาตรา56 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,84,86 

ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่1-2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

พนักงานยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีกห้าปากเป็นพยานชุดจับกุมและประจักษ์พยานรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา 1-2 ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอออกหมายขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวน หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากหากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาที่1-2 จะกระทำผิดซ้ำ

ศาลอาญา พิจารณาคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว อนุญาต ให้ฝากขังได้

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ทางทีมทนายของผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยเตรียมใช้หลักทรัพย์ คนละ 50,000 บาท อยู่ระหว่างศาลพิจารณา

 

 

ศาลให้ประกัน 2 นักข่าวเเล้วตีวงเงิน 3.5 หมื่นบาท

ภายหลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขัง นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ,นายณัฐพล เมฆโสภณ 2ผู้ต้องหา โดยศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังได้ โดยผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมเงินสด คนละ 3.5 หมื่นบาท ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่โจทก์ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยมีประกันในวงเงิน 3.5 บาท

 

แถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

วันที่ 13 ก.พ. 67 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ กรณีนักข่าวสำนักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ ถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาฯระบุว่า 

ตามกรณีที่นักข่าว สำนักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ ถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ และถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 นั้น

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รับทราบและติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด  พร้อมประสานกับสำนักข่าวประชาไทต้นสังกัดของนักข่าวดังกล่าว เพื่อยืนยันความชัดเจนว่าเป็นการปฏิบัติงานข่าวจริงตามที่บรรณาธิการต้นสังกัดได้รับรองให้ไปปฎิบัติหน้าที่

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในหลายประเด็น เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน และมีการประชุมหารือของกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทราบว่านักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2567 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ขอแสดงความกังวลถึงการตั้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมสนับสนุนการกระทำผิดในคดีอาญา” จะเป็นการบั่นทอนต่อสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปทำหน้าที่รายงานข่าวทั้งในเหตุการณ์ที่เป็นเชิงบวกและเชิงลบต่อสังคม ทำให้โอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงได้  จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระบวนการยุติธรรมจะมีความชัดเจนกับสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ 

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

นอกจากนี้ ในโอกาสของการพิสูจน์ในข้อกล่าวหาดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีท่าทีหลบหนีการต่อสู้คดีในชั้นศาล  เพื่อความเป็นธรรม สมาคมนักข่าวฯ เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาสมควรจะได้รับสิทธิ์ และขอความกรุณาในชั้นศาล ในการพิจารณารับการประกันตัวชั่วคราว  เพื่อออกมาสู้คดีแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างเต็มที่ตามหลักของกระบวนการยุติธรรม  และเพื่อพิสูจน์ว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากการทำหน้าที่สื่อมวลชนภายใต้กรอบจริยธรรม หรือเป็นพฤติการณ์อื่นๆต่อไป

หากสื่อมวลชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฎิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจภายใต้กรอบกฎหมาย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ มีช่องทางในการช่วยเหลือทางด้านกฎหมายโดยเฉพาะด้านความช่วยเหลือในการจักหาทนายความต่อสู้คดีตามกรอบความร่วมมือข้อตกลงร่วมกัน (MOU) กับสภาทนายความ สามารถติดต่อผ่านช่องทางต่างๆของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ

สุดท้ายขอเรียกร้องให้บรรณาธิการและต้นสังกัด กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงานข่าวทำงานอยู่ในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ กฏหมาย ยึดหลักการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน นำเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน นำเสนอข่าวสารด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง รอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว

เปิดข้อมูลตำรวจ “ปมจับนักข่าว” ข้อหาผู้สนับสนุนพ่นข้อความกำแพงวัดพระแก้ว