บิ๊กรอย ผ่านหลักสูตรสมรรถนะผู้บริหารระดับสูง จ่อนั่ง เลขาฯสมช.คนใหม่

09 ม.ค. 2567 | 15:28 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ม.ค. 2567 | 17:55 น.

เศรษฐา ลงนามโอน พล.ต.อ.รอย รอง ผบ.ตร. นั่ง เลขา ฯ สมช.คนใหม่ วงในเผย ผ่านหลักสูตรสมรรถนะผู้บริหารระดับสูงฉลุย จ่อ เข้าครม.ไฟเขียว 16 มกราคมนี้

วันนี้ (9 มกราคม 2567) แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ยังไม่มีมติแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หลังจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมีมติเห็นชอบแต่งตั้งพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา 

แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ดีขั้นตอนต่อไป คือ สมช.จะนำมติสภาความมั่นคงที่เห็นชอบพล.ต.อ.รอย ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช. ดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามเห็นชอบก่อน หลังจากนั้น สมช.จะนำหนังสือที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเห็นชอบดังกล่าวส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอนโอนพล.ต.อ.รอยให้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.

“เมื่อวาน ( 8 มกราคม 2567) สมช.ได้ส่งหนังสือมติที่ประชุมสภาสมช.เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามเห็นชอบแล้ว คาดว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีจะลงนามเห็นชอบ เพื่อให้สมช.ทำหนังสือไปยังสตช.ต่อไป เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น หลังจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ได้ทำหนังสือรับโอนพล.ต.อ.รอยไปยังสตช.ก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ได้ผิดหลักเกณฑ์หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างใด”แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากนั้น สตช.ต้นสังกัดของพล.ต.อ.รอย ต้องตอบกลับมาว่ายินยอม พร้อมกับความยินยอมของพล.ต.อ.รอยเองด้วย คาดว่า สตช.จะใช้เวลาในการพิจารณา 2-3 วันในการส่งหนังสือกลับมายังสมช.”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนั้น สมช.จะรวบรวมหนังสือยินยอมพร้อมประวัติของพล.ต.อ.รอย เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนจะเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบในวันที่ 16 มกราคม 2567 ต่อไป

“ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพล.ต.อ.รอย ได้สอบผ่านหลักสูตรสมรรถนะทางการบริหารระดับสูงของข้าราชการพลเรือน ตาม ที่ ก.พ. กำหนดเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้จึงเหลือเพียงขั้นตอนทางธุรการเท่านั้น”แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งนี้ หลักสูตรสมรรถนะผู้บริหารระดับสูงเป็นหลักเกณฑ์ของ ก.พ. ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารจะต้องผ่านการหลักสูตรนี้ เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของข้าราชการพลเรือนที่จะขึ้นมาเป็นอธิบดี หรือ ปลัดกระทรวงในอนาคต