ส่องฟีดแบ็ก "ครม.เศรษฐา" น้อมรับสื่อทำเนียบ ตั้งฉายารัฐบาลแกงส้มผลัก

26 ธ.ค. 2566 | 11:41 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2566 | 17:20 น.

เศรษฐา-รัฐมนตรี ประสานเสียง รับฉายา สื่อทำเนียบตั้งให้ ชาดา นึกครึ้ม โชว์ลูกคอ ครวญเพลง “หัวใจละเหี่ย” สุทิน หมายมั่น ปีหน้าเป็นดาวเด่น ไม่ใช่ดาวดับ ภูมิธรรม ส่งสัญญาณ “ผัดรวม” 314 เสียง เข็นงานหนัก

วันนี้ (26 ธันวาคม 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการตั้ง ‘ฉายารัฐบาล’ และรัฐมนตรีประจำปี 2566 ของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล สั้น ๆ ว่า ได้รับทราบและได้ยินฉายาที่สื่อตั้งให้แล้ว ส่วนฉายารัฐบาลแกงส้มผลักรวมนั้น ไม่มีอะไร เพราะเข้าใจว่ามีการตั้งฉายาเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา ‘รองกอง’ ว่า ตนคิดว่า รองนายกรัฐมนตรีทุกคนได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรี และอยู่ที่ว่างานไหนรองนายกรัฐมนตรีคนใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ ในชุดของ ครม. พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำ และมีเสียงมากที่สุด ก็แบ่งไปตามสัดส่วนอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีลองทำดูก่อนและมีส่วนไหนที่จะจัดสรรให้เหมาะสมมากที่สุดและแบ่งงานให้ทุกส่วน

 

“ต้องกราบขอบพระคุณที่ให้กำลังใจผม ผมคิดว่า สื่อมวลชนเป็นกระจกสะท้อนที่เห็นและจะบอกว่ารู้สึกอย่างไร สำหรับรัฐมนตรีที่ได้รับการวิภาควิจารณ์หรือตั้งฉายาหน้าที่อย่างเดียว คือ เราต้องตรวจสอบตัวเราเอง ผมได้รับฉายา รองกอง ผมก็ต้องไปนั่งคิดว่า เรากองอะไรไว้บ้าง ความหมายของฉายาที่ได้รับคืออะไร จึงเป็นกระจกสะท้อนให้เราปรับปรุงตัวเองได้ดีขึ้น อันไหนที่ตรงเราก็รับไปจัดการ อันไหนที่ยังไม่ตรงก็คิดว่าเป็นข้อพึงสังวรว่าอย่างน้อยก็มีบางส่วนที่คิดกับเราแบบนี้ มองเราแบบนี้ ก็เท่านั้นเอง”นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการตั้งฉายรัฐบาล “แกงส้มผลักรวม” ว่า แกงส้มผักรวมก็อร่อย ผมก็ชอบแกงส้มอยู่แล้ว ยิ่งเอาผักหลาย ๆ ชนิดมาก็เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ต่อตัวเราเอง สะท้อนได้ตรงส่วนหนึ่ง เพราะรัฐบาลนี้ยอมรับความเป็นจริงว่า เรามาจากรัฐบาลผสมหลายพรรค แต่แกงส้มผักรวมอาจจะติดมิชลินได้ เพราะว่า เป็นสิ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

“สื่อมวลชนทำหน้าที่ก็ทำ ที่สำคัญอยู่ที่ใจของเราที่ทำงานร่วมกัน เรามาร่วมกัน เพราะเราผ่านสภาพปัญหาที่เป็นวิกฤตของประเทศมาร่วมกัน และเราก็ช่วยกันผลักดันจนตั้งรัฐบาลได้ ก็ถือว่า เราผ่านวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มาด้วยกัน ทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่เราไม่มีปัญหา จนถึงวันนี้ก็ยังยืนยันเหมือนที่นายกรัฐมนตรียืนยันว่า 314 เสียงมั่นคง ไม่มีปัญหาอะไรเลยที่จะไปคิดอะไรวอกแวก มีแต่ร่วมกันทำงานและทำงานให้หนักขึ้น เพราะว่านายกรัฐมนตรีขยัน สื่อเองก็ยังไม่ได้พัก รัฐมนตรีก็ทำงานเต็มที่ เพราะฉะนั้นไม่มีผลักรวม มีแต่ผัดรวมกัน”นายภูมิธรรมกล่าว

ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ” ว่า เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำทุกปี ทุกรัฐบาลก็ทำ เป็นเรื่องหยอกล้อกันธรรมดา ไม่ถือสาอะไร ถือว่า สนุกสนานดี แต่บังเอิญ ผมไม่ใช่น้าไข่ (มาลีฮวนน่า)  แต่เพลงนี้เพลงชอบ หัวใจละเหี่ย  

“บางครั้งหัวใจละเหี่ย เหนื่อยท้อแท้นั่งเศร้าคนเดียว”นายชาดาร้องเพลง ‘หัวใจละเหี่ย’ ของนายคฑาวุธ ทองไทย หรือ ‘ไข่’ วงดนตรีเพื่อชีวิต ‘มาลีฮวนน่า’ 

ส่วนนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา ‘พลิกทินสู่ดาว’ ว่า ตั้งฉายาอะไรให้ก็ดีทั้งนั้น เพราะว่า เคารพในวิจารณญาณของสื่ออยู่แล้ว ก็ถือว่า ขอบคุณ ออกมาอย่างไรก็รับได้ ถ้าขึ้นสู่ดาวก็ต้องทำให้เป็นดาวจริง ๆ หวังว่า ปีหน้า ปีต่อ ๆ ไปก็คงไม่ใช่ดาวดับ ก็ต้องให้มันเป็นดาวเด่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ชินกับการเป็นดาวแล้วหรือยัง นายสุทินกล่าวว่า เป็นดาวไม่แน่ใจ แต่ว่า การเป็นรัฐมนตรี เริ่มชินแล้ว (หัวเราะแห้ง ๆ )

เมื่อถามว่า แล้วจะทำให้เป็นดาวค้างฟ้าได้หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็มั่นใจว่าจะทำได้ แต่วันนี้ยังไม่ได้เห็นหลงว่าตัวเองเป็นดาว เอาเป็นว่าเป็นรัฐมนตรีไม่แย่กว่าคนก่อน ๆ ก่อน มาตรฐานไม่ตกจากคนเก่า 

เมื่อถามว่า จะสร้างภาพให้จดจำรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนคนแรกหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ตนคิดว่า ตอนนี้ก็น่าจะจำแล้วนะเท่าที่ฟังดูก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป การมีรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนกับการมีรัฐมนตรีที่ไม่ใช่พลเรือน บรรยากาศเปลี่ยน ถ้าเราทำให้บรรยากาศเปลี่ยน ประชาธิปไตยเดินหน้าได้ บรรยากาศในการพัฒนาบ้านเมืองได้ ตนก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ ส่วนเรื่องการปฏิรูปกองทัพหลังปีใหม่ก็จะเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ