ชัดเจนแล้ว“หมออ๋อง”สมัครซบ“พรรคเป็นธรรม”อังคารนี้ ประกาศยึดหลัก 3 ข้อ

09 ต.ค. 2566 | 14:21 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2566 | 14:26 น.

ชัดเจนแล้ว“หมออ๋อง”รองประธานสภาฯ คนที่ 1 สมัครเข้าเป็นสมาชิก“พรรคเป็นธรรม”วันอังคารนี้ ประกาศยึดหลัก 3 ข้อ “สนับสนุนการปฏิรูปรัฐสภาให้โปร่งใส-ไม่ตระบัดสัตย์ ผลักดันแก้รธน.-สนับสนุนกระบวนการสันติภาพที่แท้จริงในภาคใต้”

วันนี้ (9 ต.ค. 66) นายสัตวแพทย์ปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ “หมออ๋อง” ส.ส.พิษณุโลก รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ ระบุว่า 

“ผมจะสมัครเข้า #พรรคเป็นธรรม วันอังคารนี้ 10.00 น. ด้วยหลัก 3 ข้อ 1.สนับสนุนการปฏิรูปรัฐสภาให้โปร่งใส ประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน 2.ไม่ตระบัดสัตย์ ผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน 3.สนับสนุนกระบวนการสันติภาพที่แท้จริงในภาคใต้ พร้อมเดินทางแล้วครับ @nolkannavee”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย .2566  พรรคก้าวไกลได้ออกแถลงการณ์พรรคก้าวไกล กรณีให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา พ้นจากสมาชิกภาพ โดยมีใจความ ระบุว่า

นับจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ในฐานะฝ่ายค้าน เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า และเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลที่ดีของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

ในวันนี้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลจึงได้ประชุมร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค ดังต่อไปนี้

ที่ประชุมร่วมฯ เห็นตรงกันว่า พรรคก้าวไกลควรเดินหน้าเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาของฝ่ายค้าน

ที่ประชุมร่วมฯ เข้าใจว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ ส.ส. จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 106

ที่ประชุมร่วมฯ รับทราบจากหัวหน้าพรรคว่า ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลแล้ว โดยนายปดิพัทธ์ ได้แสดงความประสงค์ว่าต้องการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อผลักดันให้สภามีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ก่อนหน้า รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส

ที่ประชุมร่วมฯ เห็นด้วยว่า ภารกิจที่ นายปดิพัทธ์ ตั้งใจขับเคลื่อนจะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ที่ประชุมร่วมฯ ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของการทำหน้าที่เป็น ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปดิพัทธ์ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภาจากพรรคก้าวไกล

ที่ประชุมร่วมฯ จึงมีมติว่า ในเมื่อ นายปดิพัทธ์ ยังคงยืนยันความประสงค์จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้ปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล ตามบทบัญญัติแห่งข้อบังคับพรรคก้าวไกลและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น ‘ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์’ ได้ อันเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของพรรคหลังจากนี้

ที่ประชุมร่วมฯ หวังว่าแม้ นายปดิพัทธ์ จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกต่อไป แต่เขาจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ก่อนถูกรับเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และต้องวางตนเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80

พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกับเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน