ส่อวุ่น “พิธา” ไม่แจ้งถือหุ้นบริษัทครอบครัว "ลิ้มเจริญรัตน์" ต่อป.ป.ช.

05 ก.ค. 2566 | 14:14 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2566 | 18:03 น.
2.3 k

เจาะบัญชีทรัพย์สิน "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”  ที่แจ้งป.ป.ช. หลังพ้นตำแหน่งส.ส. พรรคก้าวไกล 20 มี.ค. 2566 ส่อวุ่น พบไม่แจ้งการถือหุ้นในบริษัท “พรพนา พลัส” ธุรกิจครอบครัวของตระกูล ลิ้มเจริญรัตน์

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 มีทรัพย์สิน 85,023,720.18 บาท หนี้สิน 20,740,176.02 บาท

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบพบว่า ว่านายพิธาอาจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วน เนื่องจากในรายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน 65 รายการ ที่นายพิธายื่นต่อป.ป.ช. ไม่พบว่าได้มีการยื่นการถือหุ้นในบริษัท พรพนา พลัส จำกัด ที่มีชื่อนายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 3 จำนวน 1,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท แต่อย่างใด

ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบข้อมูล บริษัท พรพนา พลัส จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าในแบบ บอจ 5 ได้ระบุการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 มีชื่อนายพิธา ถือหุ้นในบริษัท พรพนา พลัส จำนวน 1,000 หุ้น เลขที่หมายเลขหุ้น 02001-03000 ลงวันที่ 9 มกราคม 2550 (ดูเอกสารประกอบด้านล่าง)

รายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน 65 รายการ

รายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน 65 รายการ

รายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน 65 รายการ
ชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้น บริษัท พรพนา พลัส จำกัด

บริษัท พรพนา พลัส จำกัด จดทะเบียน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2550 วัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย

ผู้ถือหุ้น บริษัท พรพนา พลัส มีจำนวน 6 คน ประกอบด้วย

  • นางอัญชี ลิ้มเจริญรัตน์
  • นางแปล่งศรี ลิ้มเจริญรัตน์
  • นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
  • นายบรรลือ ลิ้มเจริญรัตน์
  • นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์
  • นายแสง ลิ้มเจริญรัตน์

นายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ว่า มีรายได้เงินเดือน 1,362,720 บาท รายได้จากการขายทรัพย์สิน ขายคอนโดปี 2563 จำนวน 13,673,506 ขายรถ 2 คันปี 2565 จำนวน 936,000 บาท ขายหนังสือ 431,712 บาท

ส่วนค่าใช้จ่ายประกอบด้วย ค่าอุปโภคบริโภค 2,400,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 80,973.4 บาท ค่าท่องเที่ยว 100,000 บาท เงินบริจาค 5,193,000 บาท รวมค่าใช้จ่าย 3,879,223.4 บาท

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายบุตร  ประกอบด้วย ค่าอุปโภคบริโภค 120,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 28,985.48 บาท ค่าเล่าเรียน 413,000 บาท รวม 561,985.48 บาท

นายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ว่า มีทรัพย์สิน ประกอบด้วยข้อมูลรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 286,045.70 เงินลงทุน 1,346,698.98 บาท เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท ที่ดิน 18,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,140,000 บาท สิทธิและสัปทาน 19,413,985.50 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 12,036,990 บาท เช่น โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สูท 16 ตัว เนคไท 76 เส้น รองเท้า 21 คู่ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 องค์ รวมทรัพย์สิน 85,023,720.18 บาท

ส่วนหนี้สิน ที่นายพิธา แจ้งต่อป.ป.ช.ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี 807,414 บาท หนี้สินอื่น 19,932,762 02 บาท รวมหนี้สิน 20,740,176.02 บาท

การยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ครั้งนี้นายพิธาได้แจ้งถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาท และบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) 880 หุ้น 41.50 บาท โดยหมายเหตุว่า ผู้ยื่นในฐานะผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรกดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตาย ให้รับโอนหลักทรัพย์หุ่นนี้อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น

นอกจากนี้นายพิธายังแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่าได้ให้เงินกู้ยืมแก่นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ 15 ธ.ค. 2563 จำนวน 15,000,000 บาท