“นิพนธ์”ยันกระจายอำนาจสร้างการมีร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด

22 มิ.ย. 2566 | 16:46 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มิ.ย. 2566 | 16:59 น.

“นิพนธ์”ยันกระจายอำนาจสร้างการมีร่วมทางการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีนำรายได้มาพัฒนา แนะ ถ่ายโอนภารกิจ-งบประมาณให้ท้องถิ่นโดยเร็ว เชื่อเมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนาการติดตามนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นของพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง หัวข้อ "ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง"

ในการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 ประจำปี พ.ศ.2566 ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน ณ อาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 2 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีผู้แทนจาก พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคก้าวไกล พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก 

 

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การทำงานของถิ่นในบางภารกิจยังมีอุปสรรคในการบริหาร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุนและแก้ไขอุปสรรคในการดำเนินการภายใต้กติกาที่กำหนดไว้ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้และไม่เกิดปัญหาภายหลัง 

                               “นิพนธ์”ยันกระจายอำนาจสร้างการมีร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด

สำหรับเรื่องจัดเก็บภาษีนั้น ก็ควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีพร้อมทั้งพิจารณาจัดเก็บฐานภาษีอื่นๆเพิ่มเติมที่ทำให้ท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นสามารถนำมาพัฒนาพื้นที่รับผิดชอบ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน 

ในส่วนความคืบหน้าเรื่องกระจายอำนาจ ในขณะนี้อยู่ในแผนที่ 3 แต่ขณะเดียวกัน แผนที่ 1 และ 2 ก็ยังถ่ายโอนไม่หมด ซึ่งควรพิจารณาว่า ภารกิจใดที่ท้องถิ่นทำได้ ก็ให้เร่งรัดถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณ พร้อมบุคลากรให้ท้องถิ่นได้ดำเนินการ

เพราะการถ่ายโอนภารกิจใดไปและดำเนินการไม่ได้อาจจะถูกดึงภารกิจกลับ ซึ่งเรื่องกระจายอำนาจนั้น สามารถทำได้ทันทีโดยนายกรัฐมนตรี ต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ กำหนดนโยบายการถ่ายโอนภาระกิจ ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน

                           “นิพนธ์”ยันกระจายอำนาจสร้างการมีร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด

นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า การป้องกันการทุจริต ปัจจุบันมีการพัฒนาในกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการตรวจรับงานจ้าง รวมถึงการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานท้องถิ่น 

ดังนั้น จึงไม่ควรนำเรื่องทุจริตมาปิดกั้นการกระจายอำนาจ เพราะการกระจายอำนาจ คือ การสร้างการมีส่วนร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าเมื่อ “ท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง”