"ปลัดสปน."ปัดปลุกผีไอทีวี คดีฟ้องค่าเสียหาย ไม่เกี่ยว"พิธา"ถือหุ้น

20 มิ.ย. 2566 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2566 | 10:10 น.

"ปลัดสปน." ปัดปลุกผีไอทีวี ชี้เป็นคดีฟ้องร้องค่าเสียหาย 10 ปีก่อน ไม่เกี่ยวปม "พิธา"ถือหุ้นอย่าเอา 2 เรื่องมาโยง พร้อมรับคำตัดสินศาล

วันที่ 20 มิ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)  ฟ้องบริษัทไอทีวี จำกัด เรียกค่าเสียหาย ว่า  คำพิพากษาศาลเราคาดการณ์ขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินมาเมื่อไหร่ ตนก็เห็นเพียงแค่ข่าวไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ข่าวว่าจะตัดสินตอนนั้น ตอนนี้ แต่ในส่วนของสปน.ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เริ่มแรกจากการฟ้องร้องค่าสัมปทานมีคู่แข่งเข้ามาและทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และตอนหลังเป็นเรื่องการจ่ายค่าสัมปทาน  รวมถึงการปักผังรายการ ซึ่งคดีเป็นแบบนั้น รวมถึงมีการอุทธรณ์ จากนั้นก็ไปที่อนุญาโตตุลาการ สรุปสั้นๆว่าต่างฝ่ายต่างมีหนี้สินเสมอกันไป และสุดท้ายสปน.ก็มีคำอุทธรณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว  ขณะนี้รอคำตัดสินจากศาลปกครองสูงสุด
 

เมื่อถามว่าคดีนี้หากไอทีวีชนะก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นสื่อใช่หรือไม่  ปสัดสปน. กล่าวว่า ในการฟ้องร้องไม่มีประเด็นเหล่านี้ เป็นเรื่องค่าปรับการเปลี่ยนแปลงผังรายการเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งรายละเอียดตนจำได้ไม่ครบถ้วน ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็เป็นเรื่องของการจ่ายค่าปรับและการเรียกร้องค่าเสียหาย

นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

อยากให้กลับไปดูเรื่องคำตัดสินอนุญาโตตุลาการ ซึ่งมีประเด็นอยู่แค่นั้นและถือเป็นเรื่องเก่า ยืนยันไม่มีประเด็นอะไรเลย รวมถึงไม่ได้มีการปลุกผีไอทีวีอย่างที่ตั้งข้อสังเกตกันเพื่อหวังผลคดีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับสปน.

และเป็นคดีเก่าที่ฟ้องร้องกันอยู่ รวมถึงที่ผ่านมาเราไม่เคยกลับไปแตะต้องอีกเลย กรุณาอย่าเอา 2 เรื่องไปผูกกันให้เกิดความสับสน ซึ่งเรื่องการฟ้องร้องไอทีวี ยืนยันว่ามีมาก่อนและสถานะอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น  เพียงแค่เรารอ ต้องให้เวลาศาลในการพิจารณาคดี

เมื่อถามต่อว่า หากไอทีวีชนะคดีจะสามารถกลับมาประกอบกิจการได้หรือไม่ ปลัดสปน. กล่าวว่า  คำฟ้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ เป็นเรื่องของค่าปรับที่จะต้องเสียค่าสัมปทาน และมีการฟ้องร้องกันว่าเนื่องจากมีทีวีดิจิทัลการให้สัมปทานเดิมอาจจะได้รับประโยชน์ไม่เท่ากับในสัญญาเดิมคำร้องเป็นอยู่เช่นนี้

ยืนยันว่าเป็นการฟ้องร้องเรื่องสัญญาทั้งหมด ทั้งนี้ เราไม่ได้กลับไปแตะเรื่องไอทีวีเลย เพียงแต่ว่าต้องนำไปศึกษา หากศาลตัดสินจะได้เตรียมตัวและเตรียมความพร้อมตามหน้าที่ของสปน.ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใครทั้งสิ้น