จนมุม! สตม.รวบหัวหน้าแก๊งไต้หวันเปิดบริษัทยาปั่นหุ้นโกง 2.3 หมื่นล้านบาท

26 พ.ค. 2566 | 14:41 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2566 | 14:50 น.
716

สตม.รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวัน เปิดบริษัทผลิตยา ช่วงโควิด-19 ระบาด ปั่นหุ้น หลอกประชาชนนับหมื่นราย เสียหายกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ก่อนปิดบริษัทหนีกบดานไทย ขยายผลยึดทรัพย์กว่า 60 ล้านบาท รวบเพิ่มรวม 27 ราย

วันนี้(26 พ.ค. 66) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุม หัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยา ในช่วงการแพร่ระบาด โควิด-19 พร้อมปั่นหุ้น หลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายกว่า 10,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 23,000 ล้านบาท

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานงานจาก สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รายสำคัญ คือ MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ซึ่งหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าว


บก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย จนทราบว่า MR.HUANG ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ 

จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจนพบ MR.HUANG ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ ที่บริเวณริมถนนย่านประตูน้ำ พร้อมนำไปตรวจค้นห้อง ผลตรวจค้นพบ เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, บัตรประชาชนของประเทศสิงคโปร์ พร้อมทั้งบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ 

จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นได้ทำหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ประเทศไทย 

หลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและหัวหน้าแผนกประสานงานอาชญากรรมประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ร่วมทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

                            จนมุม! สตม.รวบหัวหน้าแก๊งไต้หวันเปิดบริษัทยาปั่นหุ้นโกง 2.3 หมื่นล้านบาท

สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น มีการจัดตั้งบริษัท เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 หลังจากมีการเปิดบริษัทแล้ว ได้นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ และให้ผู้ร่วมขบวนการทำการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ ทำการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าว และทำรายงานอันเป็นเท็จ เพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชน ในการหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น 

โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปจนถึงกว่า 500,000 บาทต่อ 1,000 หุ้น และหลังจากที่มีประชาชนซื้อหุ้นแล้ว ได้โยกเงินไปยังต่างประเทศ แล้วทำการปิดบริษัทเบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท 

และจากการสืบสวนขยายผลของผู้ต้องหารายนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน ได้ทำการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท และ มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย โดยจับกุมได้แล้ว 27 ราย