“ชาญชัย”เฮ ศาลฎีกายกฟ้อง 8 คดีรวดหลังถูกกลุ่มคิงเพาเวอร์ฟ้องหมิ่นประมาท

22 มี.ค. 2566 | 17:27 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2566 | 17:51 น.

ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” 8 คดีรวด หลังถูกกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ฟ้องหมิ่นประมาท ศาลชี้ชัดทั้งหมดล้วนเป็นการแถลงข่าวด้วยข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส. มรกต อิสระเสนารักษ์ ในฐานะผู้ช่วยทำคดีและทีมทนายความเดินทางไปที่ศาลอาญา(ศาลฎีกา) เพื่อฟังคำตัดสินคดีที่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ฟ้องนายชาญชัย ในคดีหมิ่นประมาทในหลายกรณีรวม 8 คดี  
ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว สรุปให้ยกคำฟ้องทั้ง 8 คดีที่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฟ้องร้องนายชาญชัย  โดยมีข้อความตอนหนึ่งในคำพิพากษาขอวศาลฎีกาว่า   

“ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การแถลงข่าวของนายชาญชัย เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง โดยสาระสำคัญในการแถลงข่าวเป็นการบอกกล่าวถึงข้อเท็จจริงในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ทอท. และประเทศชาติ 

ทั้งการแถลงข่าวของ นายชาญชัย ให้สื่อมวลชนและประชาชนในสังคมได้รับทราบ ยังถือเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบการดำเนินการบริหารของ ทอท. เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการให้ถูกต้อง อันเป็นการปกปักรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ทอท. และประเทศชาติอีกทางหนึ่ง 

การแถลงข่าวของนายชาญชัย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ทั้งเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคล หรือ สิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) การแถลงข่าวของนายชาญชัย ทั้ง 5 ประการ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น  

นายชาญชัย กล่าวว่า  ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ทั้ง 8 คดีดังกล่าวล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง โดยได้ยกกรณีตัวอย่างขึ้นมาประกอบ 3 กรณี  คือ  

1.กรณีที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) ขยายระยะเวลาสัญญาให้ บริษัทคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ เป็นไปโดยไม่ชอบ เพราะโครงการมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จำเป็นต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี( ครม. ) เพื่ออนุมัติเท่านั้น เพราะถือว่าเข้าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 (คำพิพากษา หน้าที่ 40-41)    

2. กรณีการขายสินค้าปลอดอากร โดยไม่ได้นำสินค้าออกไปยังต่างประเทศ ทั้งที่การขายสินค้าปลอดอากร ต้องขายโดยส่งออกไปต่างประเทศเท่านั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายชาญชัย ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการศึกษา เสนอแนะมาตรการและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(สปท.) 

ได้รับฟังข้อมูลจากผู้แทนกรมศุลกากรว่า บริษัทคิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขายสินค้าปลอดอากรที่ซอยรางน้ำ แล้วให้ผู้ซื้อกลับมารับสินค้า ได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ถือว่าไม่ถูกต้อง และต้องเอาผิดกับบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ อันเป็นการทราบจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายชาญชัย ในฐานะอนุกมธ.  ปราบทุจริต ของ สปท. ทำให้เชื่อโดยสุจริตว่า เป็นเรื่องที่เป็นความจริง (คำพิพากษาหน้าที่ 41-42) 

และ 3.ศาลฎีกา รับฟังว่า จากเหตุข้อ 1. การต่อสัญญาโดยฝ่าฝืนทำผิด พ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 2535 และข้อ 2.การขายสินค้าปลอดอากรโดยไม่เชื่อมระบบ POS (พ้อย ออฟ เซล) ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบยอดการขายสินค้าในแต่ละวันได้  ส่งผลกระทบถึงการเรียกเก็บผลตอบแทนของ ทอท. ในอัตรา 15% จากยอดขายสินค้า อาจได้ไม่ครบจำนวน 

และการขายสินค้าที่ซอยรางน้ำ แล้วไปส่งมอบให้ลูกค้าที่ท่าอากาศยานฯ  โดยที่ ทอท. ไม่ได้รับส่วนแบ่ง 15% เต็มจำนวนตามสัญญา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ทอท. และรัฐ  ซึ่งการขายสินค้าโดยไม่นำออกต่างประเทศจริง  แต่กลับนำสินค้าเข้ามาในประเทศ ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรตามกฎหมาย  เหตุการณ์ทั้งหมด ล้วนส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อ ทอท. และประเทศชาติโดยรวม ( คำพิพากษา หน้าที่ 42-43)


*อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม ศาลฎีกายกฟ้อง “ชาญชัญ” 8 คดี