21 วันปิดกล่อง! "จุรินทร์"ชง ครม. เคาะแล้ว FTA ไทย-ยูเออี

28 ก.พ. 2566 | 16:29 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2566 | 16:51 น.

ทำได้ไว ทำได้จริง!“จุรินทร์” สร้างประวัติศาสตร์ ดันเปิด FTA ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ผ่าน ครม.วันนี้ ใช้เวลาเพียง 21 วัน ขยายมูลค่าการค้า1.3 ล้านล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องความสำเร็จการเดินหน้าเริ่มต้น FTA ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการทำ FTA ระหว่างไทยกับ UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่คนไทยรู้จักว่าเมืองสำคัญคือดูไบ เกิดจากการที่ตนนำคณะกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ไปเจรจากับรัฐบาล UAE  เมื่อวันที่ 6-8 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งและตั้งใจจะทำให้เร็วที่สุด จึงนำเรื่องเข้า ครม.วันนี้ 

ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแล้ว จากนี้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งประสานงานกับ UAE กำหนดวันประกาศร่วมกันอย่างเป็นทางการ นับหนึ่งการเปิดเจรจา ถือว่าเป็น FTA ที่เร็วที่สุดในโลกตั้งแต่ประเทศไทยทำมาฉบับหนึ่ง จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการค้าการลงทุนและการส่งออกของไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับไทยเป็นลำดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยปี 2565 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1.3 ล้านล้านบาท เฉพาะ UAE มีมูลค่า 700,000 ล้านบาท จึงมีความสำคัญมาก การส่งสินค้าขายต่อไปภาษีจะเป็นศูนย์มีผลให้ UAE เป็นประตูการค้าของไทยสู่ตะวันออกกลาง

 UAE เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ที่ประกอบด้วย ประเทศกาตาร์ บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โอมาน และคูเวต จะได้รับการอำนวยความสะดวกต่างๆด้วย ประเทศไทยได้ประโยชน์มหาศาลจากการทำ FTA ครั้งนี้และเมื่อประกาศนับหนึ่งการเจรจาอย่างเป็นทางการแล้ว


 

นายจุรินทร์ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งจัดทำให้เร็วที่สุดให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุดยิ่งเร็วเท่าไหร่ประเทศไทยก็ยิ่งได้ประโยชน์เร็วขึ้น ตัวเลขการส่งออกสร้างเงินให้ประเทศจะมากขึ้น

สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไป UAE เช่นรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ อัญมณี เครื่องประดับ สมาร์ทโฟน ไฟเบอร์บอร์ด ยางนอกรถจักรยานยนต์ ปลาทูน่ากระป๋องและข้าว เป็นต้น ส่วนไทยนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเลียม แก๊สธรรมชาติ อะลูมิเนียม ทองคำและเม็ดพลาสติก เป็นต้น