ศาลฎีกาสั่ง“อนุรักษ์”พ้นส.ส.มุกดาหาร ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต

06 ม.ค. 2566 | 12:10 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ม.ค. 2566 | 19:48 น.
1.9 k

ศาลฎีกาพิพากษา “อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์” พ้น ส.ส.มุกดาหาร ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ตัดสิทธิ์เลือกตั้งอีก 10 ปี หลักฐานชัดเรียกรับเงิน 5 ล้าน แลกผ่านงบประมาณ

 

ศาลฎีกา วันนี้ ( 6 ม.ค. 65) ในเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณา  1  ศาลฎีกา  นัดฟังคำพิพากษา   คดีหมายเลขดำที่ คมจ.4/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ร้องต่อศาลว่า นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร   พรรคเพื่อไทย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จาก นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์  อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ    

 

ทั้งนี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดและยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษา หรือ คำสั่งว่า นายอนุรักษ์ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง  จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่  

 


และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10  ปี   ตามรัฐธรรมนูญ 2560  มาตรา 235 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 87 และ มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ  รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ  2561 ข้อ 7, 8, 9 และ 27 

 

นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย

  

ศาลฎีกามีคำพิพากษา ว่า นายอนุรักษ์ ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  โดยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่  ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10  ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป  


จากคำวินิจฉัยของศาลเห็นว่า นายอนุรักษ์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2   มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จริง โดยมีหลักฐานและพยานบุคคลยืน ว่า มีการติดต่อ  นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล  และ นายภาดล  ถาวรกฤชรัตน์  อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ หลายครั้ง  เพื่อเรียกเงินหรือผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำคำของบประมาณ  และมีการใช้คำพูดข่มขู่   


อีกทั้งศาลเห็นว่า นายอนุรักษ์ไม่มีหน้าที่ในการขอเอกสาร หรือการจัดทำประมาณจากหน่วยงานโดยตรง  ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ