“สมคิด"ผนึก“ทสท.”ลั่นไม่สนตำแหน่ง ชี้นายกฯ ต้องฟ้าประทาน

29 ธ.ค. 2565 | 17:50 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2565 | 00:56 น.

“สมคิด”ซัดการเมืองยุคนี้แย่สุดขีด ใช้เงินแย่งส.ส. ประชาธิปไตยไม่ใช่อย่างนี้ เผยผนึก "ทสท." เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ลั่นไม่สนตำแหน่ง ชี้เก้าอี้นายกฯ ต้องฟ้าประทาน

 

วันที่ 29 ธ.ค.65 ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 แกนนำพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยนายสนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและพ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ รองหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงถึงความชัดเจนทางการเมือง  

 

นายสมคิด ชี้แจงถึงความเป็นพันธมิตรระหว่าง 2 พรรค แต่ยังไม่ถึงขั้นควบรวมว่า ตนอยู่ในการเมืองเกือบ 20 ปี พวกเราก็ตั้งใจทำงานกันมาโดยตลอด อยากเห็นประเทศชาติรุ่งเรือง อยากเห็นประชาชนเป็นสุข 


“ผมขอบอกกับประชาชนเลยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองของเราค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัคร ส.ส. อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ทำกันอย่างโจ่งแจ้งมีการโยกย้ายลาออกไม่เว้นแต่ละวัน”


นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนั้นในเชิงของความไม่สามารถบริหารภาครัฐ การแก้ไขปัญหาปากท้อง รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศและนโยบายที่จะให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าด้วยความจริงจัง โปร่งใส โดยเรื่องของการสร้างความสามัคคีปรองดอง เราอยู่ในวังวนของความไม่สามัคคี แตกแยกกันมากว่า 10 ปีแล้ว จนประเทศอื่นข้ามเราไปหมดแล้ว 


“มันน่าเสียดายและเสียใจ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไป บ้านเมืองก็จะค่อยๆ ทดถอย และแก้ปัญหาภายในไม่จบ”


นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นไม่ใช่อย่างนี้ ประชาชนคนไทยก็ไม่ควรที่จะได้แต่นั่งมองดู ซึ่งไม่มีทางออก นั่งรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ หากไม่เปลี่ยนแปลง บ้านเมืองก็จะถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกู่ไม่กลับ 


“ผมคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่คนไทยต้องละวางในอัตตา ทุกคนจะต้องมาช่วยร่วมมือกันแก้ไขปัญหาประเทศให้ได้เพื่อลูกหลานของเรา ผมกับ คุณหญิงสุดารัตน์ และนายโภคิน ร่วมงานกันมานาน ซึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ ในสายตาของผมเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แน่วแน่ ผมมองเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่น้องสาวคนนี้แข็งแกร่งทำงานหนักเป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่ดี และยังเสียสละเวลาให้บ้านเมือง ผมขอชื่นชม ส่วน นายโภคิน เป็นนักกฎหมายชั้นครูที่รู้จัก และสามารถใช้กฎหมายในการแก้ปัญหาให้กับประเทศ และสร้างอนาคตให้กับประเทศได้”

                            “สมคิด\"ผนึก“ทสท.”ลั่นไม่สนตำแหน่ง ชี้นายกฯ ต้องฟ้าประทาน
นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนนายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ ก็มีความคุ้นเคยและมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในหลายกระทรวง ฉะนั้น การที่ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสมาพบปะหารือกัน ก็เพราะว่าความห่วงใยต่อบ้านเมือง ตนคิดว่าจากการหารือมาเป็นระยะ คือ การหาทางออกให้กับบ้านเมือง ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจและการปรองดองแห่งชาติ 


“สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยคนไม่กี่คน ต้องอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างพี่น้องประชาชน จากการหารือ จากการนั่งคิดเราก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับประเทศ ผมอยากใช้โอกาสนี้ชวนประชาชน และนักการเมืองที่ตั้งใจดี มุ่งมั่นที่จะสร้างบ้านสร้างเมือง มาร่วมกับพวกเรา หานโยบายดีๆ พัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เราไม่มีการแบ่งแยก ดังนั้น ในวันนี้ นี่คือความจากใจของพวกเราส่วนเรื่องอื่นก็คอยติดตามดู” 


นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การทำการเมืองครั้งนี้จริงๆ ตนไม่คิดจะทำด้วยซ้ำ เหนื่อยพอสมควรที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ ก็มีภารกิจ ตนก็มีภารกิจที่ต้องทำคือ สร้างพรรคการเมืองที่ดี เน้นความคิดในการสร้างประเทศเป็นหลักให้กับประชาชน ไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่ง และกรุณาอย่าถามว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ อย่างไร ไม่ต้องถามตนเลย เพราะในใจนั้นสิ่งเหล่านี้คือปลายเหตุทั้งสิ้น


“สิ่งสำคัญก็คือ คุณมีความคิดในการแก้ปัญหาหรือไม่ คุณมีพรรคการเมือง แต่แก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่ส.ส. มีไปทำไม ก็ต้องฟังนโยบายว่าจะทำกันอย่างไร หลังจากนั้นถ้าเราเอาปลายเหตุเป็นตัวตั้ง เราเริ่มมีทางออก ใครที่เหมาะสมก็เข้ามาทำงาน สำหรับผมเรื่องของตำแหน่งไม่มีความสำคัญเลย ได้มาทุกตำแหน่งแล้ว ส่วนเรื่องนายกฯ ผมเคยบอกแล้วฟ้าลิขิต ฟ้าประทาน ก็ขอให้มาช่วยกันด้วยเพื่อที่บ้านเมืองจะได้ดีขึ้น” นายสมคิด กล่าว


ขณะที่นายโภคิน กล่าวชี้แจงถึงเหตุผลที่ยังไม่สามารถประกาศควบรวมพรรคได้ว่า บางทีเราไปมองปลายทางก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มจากว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ความเสียสละมุ่งมั่นต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์และนโยบายตรงกันหรือไม่ หรือมีตรงไหนที่แตกต่างกัน 


รวมถึงผู้คนที่จะมาพูดคุยเป็นอย่างไรกันบ้าง ถ้าไม่เริ่มต้นอย่างนี้ก่อน มันเดินไปปลายสุดไม่ได้ ส่วนมากพวกเราอยากจะเห็นปลายสุดก่อน แต่เราไม่ได้มองอย่างนั้น เราคุยกันเป็นระยะถ้าตกผลึกแล้ว จะทำอะไรกันต่อไปก็จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง 


“ที่คุยกันมาเป็นระยะ ผมคิดว่าตรงกันหมดเราก็เป็นรุ่นที่ผู้ใหญ่มากแล้ว บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เรามีทางเลือกสองทาง คือใช้ชีวิตประจำวัน หรือมาทำอะไรบางอย่าง โดยอาศัยความรู้ประสบการณ์ และความเป็นเพื่อนที่มีต่อผู้คนมากมาย ที่สำคัญคือความจริงใจความตั้งใจ เราก็คุยกันว่าไม่ใช่เรื่องตัวตน ผมชอบใจที่นายสมคิดพูดว่าไม่ได้มาเพื่อขอเป็นแคนดิเดตนายกฯไม่ใช่ว่าฉันใหญ่โตมาจากไหน

 

ผมเองก็ดำรงตำแหน่งต่างๆ มามากมาย แม้แต่ในพรรคผมก็ไม่ได้อยากเป็นอะไร แต่อยากเห็นการส่งต่อ ผ่านการสร้างพรรคการเมืองและนโยบายที่ดีให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ไม่ใช่วาทกรรมและถ้าเราทำไม่สำเร็จก็จะมีคนรุ่นต่อไปเอาแนวคิดนี้ไปเดินต่อ เราอยากให้ตรงนี้มากกว่า ไม่ได้อยากจะมาพูดกันเรื่องใครจะไปทำอะไรตรงไหนหรือไม่อยากให้สื่อถามว่าจะรวมกันวันไหน อะไรเมื่อไหร่ คนเราถ้ารวมความคิดและหัวใจได้เรื่องต่อๆไปก็ไม่ยากเย็นหรอก วันนี้ขอแค่นี้ก่อนถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง” นายโภคิน กล่าว