ป.ป.ช.แจงยิบฟัน ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม - พวก อนุมัติเงินหนุนวัด 836 ล้าน มิชอบ

14 พ.ย. 2565 | 15:37 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2565 | 22:44 น.

ป.ป.ช.แจงมติชี้มูล “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ครั้งดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สมุทรปราการ กับพวก ร่วมอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุน 836 ล้าน ให้กับวัดในพื้นที่โดยมิชอบ

วันนี้ (14 พ.ย.65)  นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ(นายกอบจ.สมุทรปราการ) กับพวก  ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปีงบประมาณ 2554 - 2556 โดยมิชอบ 


ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน   เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องกล่าวหาดังกล่าวนั้น จากการไต่สวนพบว่านายชนม์สวัสดิ์  อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปีงบประมาณ 2554-2556 รวมจำนวน 68 โครงการ เป็นเงิน 836,129,125 บาท

โดยในส่วนที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ช่วงเวลาดังกล่าว จำนวน 20 โครงการ วงเงินงบประมาณ 338,753,750 บาท 


ปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายปกรณ์ เนตรประภา ซึ่งมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ จะแสดงตัวเป็นตัวแทนหรือคนของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ไปประสานงานติดต่อกับวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อก่อสร้างเมรุ หรือ ศาลาการเปรียญ 
มีการจัดทำคำขอ แบบแปลนและประมาณการราคานำไปให้เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ลงนาม  และได้รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนำไปยื่นให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ   

เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการได้รับคำขอแล้ว นายอำนวย รัศมิทัต ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงปีงบประมาณ 2554   และ นายชนม์สวัสดิ์  อัศวเหม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงปีงบประมาณ 2555-2556  ได้ร่วมกับ นายมนัส บุญอารีย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงปีงบประมาณ 2554 – 2555 


และ นายสายัณห์ รักษนาเวศ  ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงปีงบประมาณ 2556  นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม  นายชัยยศ  ตั้งจิตดำรง ผู้อำนวยการกองช่าง และ นายอนุวัช ควรคิด รีบเร่งตั้งงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุน เสนอและเห็นชอบโครงการเข้าแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  

                                ป.ป.ช.แจงชี้มูล ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม - พวก คดีเงินหนุนวัด
โดยที่ไม่ทำการตรวจสอบรายละเอียดโครงการ รายละเอียดแบบแปลนและประมาณราคาก่อสร้างซ่อมแซมศาสนสถาน ว่ามีความถูกต้อง เหมาะสมกับงบประมาณที่ขอมาหรือไม่ มีการจัดทำและประกาศใช้แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  ประกาศใช้ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จนกระทั่งมีการอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่วัดตามวงเงินที่ขอมา โดยในขั้นตอนการรับเงินอุดหนุน

 
เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติเงินแล้ว นายปกรณ์ เนตรประภา จะแจ้งให้ทางวัดทราบล่วงหน้า เพื่อนัดหมายกับเจ้าอาวาสวัดให้ไปรับเช็คเงินอุดหนุน เมื่อทางวัดไปรับเช็คมาแล้ว ในวันเดียวกันนายปกรณ์ เนตรประภา  จะร่วมกับเจ้าอาวาสหรือผู้แทนวัด นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารพร้อมกับเบิกเงินและมอบให้นายปกรณ์ เนตรประภา เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับการอุดหนุน 


จากนั้นบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ฯ ซึ่งมี นายปกรณ์ เนตรประภา เป็นกรรมการผู้จัดการ จะได้เข้ามาเป็นผู้รับจ้างดำเนินงานตามโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุน   


ภายหลัง เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่วัด และวัดได้รับเงินแล้ว นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กับพวก กลับไม่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุน และการดำเนินงานในแต่ละโครงการว่า ได้ดำเนินการเป็นไปตามแบบแปลนและประมาณการราคา คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณที่อุดหนุนหรือไม่ การดำเนินโครงการแล้วเสร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่

 
ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทุกโครงการมีปัญหาจากการก่อสร้าง  อันเกิดจากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา มีการจ้างช่วง ทิ้งงาน อีกทั้งการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลน รายการปริมาณงานและประมาณการราคา เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

                            ป.ป.ช.แจงชี้มูล ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม - พวก คดีเงินหนุนวัด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้ว มีมติ ดังนี้


การกระทำของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม และ นายอำนวย รัศมิทัต มีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157       


การกระทำของนายสายัณห์ รักษนาเวศ นายวิชัย จันทร์จำรูญ นายชัยยศ ตั้งจิตดำรง นายมนัส บุญอารีย์ และ นายอนุวัช ควรคิด มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 


และการกระทำของบริษัท เอเวอร์กรีน เอ็กซ์พอลเรอร์ฯ และนายปกรณ์ เนตรประภา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 86  


ส่วนที่ป.ป.ช.เพิ่งจะมาชี้มูลคดีดังกล่าว โดยยืนยันว่า ถ้าดูไทม์ไลน์จะเห็นว่าเราทำมาตลอดมีการขยายผลเพราะไม่ใช่วัดเดียวที่ได้รับเงินและเหตุเกิด 3 ปีงบประมาณเงิน 800 กว่าล้าน แต่เราเจาะแค่ 200 ล้าน ที่ไม่สัมพันธ์กัน คือจ่ายเงินไปแล้วการก่อสร้างไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลย และมีการหาผลประโยชน์ 


โดยมีการเสนอเข้าที่ประชุมป.ป.ช 3 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมก็มีมติให้มีการไต่สวนเพิ่มเติมจนได้รายละเอียดครบถ้วน เราเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญผู้ถูกกล่าวหาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นการไต่สวนจึงต้องละเอียด 


การดำเนินการเป็นไปตามกลไกและยังมีอีกหลายเรื่องที่จะเสร็จในช่วงนี้ ซึ่งถ้าจำได้ตนเคยให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงต้นปีว่า จะมีคดีสำคัญออกมาในช่วงปลายปี โดยเราได้มีการตกลงกับเจ้าหน้าที่ว่าคดีต้องเสร็จ เพราะกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้ถ้าไม่เสร็จจะมีปัญหาเรื่องการชี้มูลทางวินัย โดยถ้าชี้มูลเกินกรอกเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็จะไม่มีผลผูกพันให้ผู้บังคับบัญชาไปดำเนินการทางวินัยกับเขาทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ  


“ดังนั้น เราจึงต้องได้ดำเนินการรวมทั้งผู้ถูกกล่าวหาบางราย ก็ยังคงรับราชการอยู่ จึงน่าจะเรียกว่าประจวบเหมาะมากกว่า” เลขาฯ ป.ป.ช. ระบุ