ตํารวจ PCT จับมือกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 59 รายเตรียมส่งไทย

02 ก.ย. 2565 | 16:46 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2565 | 23:57 น.

ตํารวจ PCT จับมือกัมพูชา บุกทลายที่ตั้งใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง จับผู้ต้องหา 59 ราย พบหนึ่งในนั้นเป็นคนคุมการเงินของขบวนการ เตรียมส่งไทยดําเนินคดี เร่งขยายผลหาตัวการใหญ่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อํานวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce พร้อมด้วยพล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายนนท์ ที่ปรึกษาพิเศษตร., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.ภ.8 และพล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.ร่วมกันแถลงจับกุม เครือข่ายแก็งคอลเซนเตอร์ในกัมพูชาเพิ่ม 59 ราย เตรียมส่งไทยดําเนินคดี


พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตํารวจ PCT เปิดปฏิบัติการร่วมกับตํารวจกัมพูชาทลายเครือข่าย แก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชาจับกุมผู้ต้องหา 94 ราย และนําตัวกลับมาดําเนินคดีในประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น 

ล่าสุดได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 1 นำกำลังสืบสวนขยายผลถอนรากถอนโคนขบวนการนี้ให้หมดไป จนได้พยานหลักฐานนําไปขอศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหา จำนวน 91 หมายจับ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 59 ราย เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 40 หมาย หลอกลวงลงทุนในแอปพลิเคชันปลอม 19 หมาย

                                      ตํารวจ PCT จับมือกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 59 รายเตรียมส่งไทย

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้ประสานงานตรงไปยัง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจกัมพูชา และส่งกำลังตำรวจ PCT เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ นำโดย พ.ต.อ.รัฐโชติ โชคิคุณ รอง ผบก.สส.สตม. นัดหมายในวันที่ 29 สิงหาคม เข้าทำการตรวจค้นพร้อมกัน จำนวน 2 จุด ในเมืองพระสีหนุ และเมืองกันดาล ประเทศกัมพูชา

โดยจุดที่ 1 อาคารในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้มีแผนประทุษกรรมหลอกลวงคนไทยฝั่งประเทศไทยให้ทำการลงทุนตามภารกิจ ในเครือข่ายของแอปพลิเคชันปลอม มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่เกิดเหตุพบคนไทย 19 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับ 15 ราย และไม่มีหมายจับอีก 4 ราย 


ทั้งหมดทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลงทุนโดยใช้แอปพลิเคชันชื่อว่า tt หรือtiktok ปลอม โดยเป็นการให้ทำภารกิจตามที่พนักงานคอลเซ็นเตอร์(admin) แนะนำ เช่น ภารกิจการกดหัวใจ ในแอปพลิเคชันที่คนร้ายส่งมา, และภารกิจทายผลลูกเต๋าในแอพปลอม โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทน ซึ่งในครั้งแรกๆ ก็จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่เมื่อลงทุนเยอะขึ้นปรากฎว่าไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยคนร้ายอ้างว่าต้องฝากเงินเพิ่มจึงจะถอนเงินได้ แต่เมื่อเหยื่อฝากเงินไปแล้ว ก็ไม่สามารถถอนเงินได้จริง

                                       ตํารวจ PCT จับมือกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 59 รายเตรียมส่งไทย
ส่วนจุดที่ 2 อาคารในเมืองกันดาล ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกลุ่มคนจีนร่วมกับคนไทย จัดตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในลักษณะแอบอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย, บริษัท DHL และแอบอ้างเป็น ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง มีประชาชนได้รับความเสียหายมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ผลการตรวจค้นพบคนไทยซึ่งเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับกว่า 40 ราย

 

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 59 รายนั้น อยู่ระหว่างรอการส่งกลับไทยมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจ PCT จะไปรอรับตัวที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพื่อซักถามปากคำผู้ต้องหา และหลังจากเสร็จสิ้นการขยายผลแล้ว จะมีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

 

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่ตำรวจ PCT ได้เข้าไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้มีจุดใหม่เพิ่มขึ้นมา คือ เมืองกันดาล ประเทศกัมพูชาที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศเวียดนาม เป็นการขยับพื้นที่ใหม่เพื่อหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้หลังมีการลงนามความร่วมมือร่วมกันแล้วทำให้มีการปฏิบัติการร่วมกันที่ดีขึ้นจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ การจับกุมครั้งนี้ได้จับกุมแอดมินผู้ที่อยู่หลังบ้านคอยดูแลเรื่องการเงิน ส่วนเจ้าของอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป

                                   ตํารวจ PCT จับมือกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 59 รายเตรียมส่งไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  ระบุว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันได้สร้างความเสียหายไปแล้วนับตั้งแต่ ต.ค.64 - ปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,136 ล้านบาท สร้างความเดือดให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจังและยั่งยืน 

 

จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้มีสติคิดก่อนจะโอนเงินให้ใคร หากผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์สามารถแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หรือพบเบาะแสเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถ และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th