ไล่ออกจากราชการ “ประหยัด พวงจำปา”รองเลขาธิการป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ 658 ล้าน

29 ส.ค. 2565 | 14:45 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2565 | 23:50 น.
39.7 k

“ประธานป.ป.ช.”เซ็นคำสั่งไล่ออกจากราชการ “ประหยัด พวงจำปา”พ้นรองเลขาธิการ ป.ป.ช.แล้ว  สังเวยคดีร่ำรวยผิดปกติ 658 ล้านบาท หลังถูกชี้มูลความผิดอาญา ส่งอสส.ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ ก่อนหน้านี้ 

วันนี้(29 ส.ค.65) มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากถูกชี้มูลความผิดคดีร่ำรวยผิดปกติ กว่า 658 ล้านบาท โดยคำสั่งไล่ออกดังกล่าว มีผลเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา


กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 4 ต่อ 4 เสียง ซึ่งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 658 ล้านบาท และเห็นชอบให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน

โดยมีมติให้ส่งรายการ สำนวนการไต่สวน เอกสารพยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแล้ว อย่างไรก็ตามมีทรัพย์สินบางส่วนที่เห็นว่าไม่ใช่ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และให้ถอนการอายัดไปด้วย 


ทั้งนี้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติดังกล่าว นายประหยัด ได้ทำเรื่องอุทธรณ์ขอความเป็นธรรม แต่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันมติเดิม ชี้ว่า นายประหยัด มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติเช่นเดิม


ก่อนหน้านี้ นายประหยัดถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2560 โดย อสส.ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

กรณีมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินจำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท