สำนักนายกฯไล่ออก“สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย”อดีตเลขาสภาฯ อุทาหรณ์สอนใจซี 11

21 ส.ค. 2565 | 11:38 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2565 | 19:53 น.
1.5 k

“วัชระ”เผยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไล่ออก “สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย” อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ปี 2561 กรณีทุจริตปรับปรุงอาคารรัฐสภาเชียงราย อุทาหรณ์สอนใจซี 11

วันนี้ (21 ส.ค.65) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ได้ดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่และอำนาจ โดยมีคำสั่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ 36/2561 ลงวันที่ 12 มี.ค.2561 ลงโทษไล่ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย หรือ นายวัชระชัยย์ นาควัชระชัยท์ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกจากราชการเรียบร้อยแล้ว 


ส่วนการดำเนินการทางอาญา และความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นหน้าที่และอำนาจของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย 

กรณีของนายสุวิจักขณ์ นายวัชระ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2565 ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัยและอาญาต่อ นายสุวิจักขณ์ จนมีหนังสือตอบมาจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดังกล่าว


สำหรับพฤติกรรมของนายสุวิจักขณ์ ในสมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแพ้คดีและต้องชำระเงินจำนวน 2,303,215.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ฟ้องคดี  

สรุปได้ว่า นายสุวิจักขณ์ ทราบว่า มีการดำเนินการปรับปรุงอาคารสำนักงานรัฐสภาเชียงรายมาก่อนแล้ว แต่กลับให้มีการดำเนินการตามระเบียบย้อนหลังโดยได้อนุมัติ และลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนด รายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะ คณะกรรมการกำหนดราคากลาง 

                                สำนักนายกฯไล่ออก“สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย”อดีตเลขาสภาฯ อุทาหรณ์สอนใจซี 11

จนกระทั่งคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา มีมติเห็นชอบให้จัดจ้างปรับปรุงและตกแต่งอาคารสำนักงานรัฐสภาเชียงราย โดยบริษัท เก้า พี เค กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทที่เข้าไปดำเนินการ ก่อนการดำเนินการตามกระบวนการพัสดุ เป็นผู้ชนะการจัดจ้าง 


การกระทำของ นายสุวิจักขณ์ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้บริษัท เก้า พี เค กรุ๊ป จำกัด มีข้อได้เปรียบผู้รับเหมารายอื่นในการเสนอราคาและเอื้อประโยชน์ให้มีโอกาสได้รับประโยชน์ โดยคําพิพากษาดังกล่าวยังได้ระบุพฤติกรรมของผู้บริหารของสํานักงาน

เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนอื่น ที่ร่วมสนับสนุนการกระทำของนายสุวิจักขณ์อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 ในยุคที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  เป็นประธานรัฐสภา ที่สั่งการให้มีการก่อตั้งรัฐสภาจังหวัด 


นายวัชระ ได้แสดงความขอบคุณข้าราชการหน่วยงานนี้ ที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตรงไปตรงมา  นับเป็นตัวอย่างที่ดีให้ข้าราชการรัฐสภาได้เห็น และเชื่อว่ายังมีเลขาธิการสภาฯ อีกหลายคน ที่สุดท้ายต้องขึ้นศาลอาญาทุจริตเและประพฤติมิชอบ เพราะความเกรงใจและสมยอมผู้มีอำนาจการเมืองที่สภาในยุคนั้นๆ จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจข้าราชการทุกแห่งได้เป็นอย่างดี