“สามารถ”อัด 3 ส.ส.อภิปราย“บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่”เลื่อนลอย ไร้ใบเสร็จทำผิด

21 ก.ค. 2565 | 17:51 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2565 | 01:08 น.

“สามารถ เจนชัยจิตรวนิช”อัด 3 ส.ส.“มนพร-ธีรัจชัย-จิรัฏฐ์” ซักฟอก “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” เลื่อนลอย ไร้ใบเสร็จทำผิด หยิบยกข้อมูลเท็จมาพูดในสภา  ถ้าอภิปรายแบบนี้ในอีก 2 วันที่เหลือมั่นใจศึกซักฟอกฉลุย 

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม  แสดงความเห็นภายหลังจากได้รับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า การพูดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3เรื่อง โดยพรรคฝ่ายค้าน 3 คนนั้น  ตนได้รับฟังเสียงสะท้อนความคิดจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ว่า จะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ไม่มีขุนพลมือดีกว่านี้แล้วหรือ ในการที่จะเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาอภิปรายให้ประชาชนได้ฟัง แต่ปรากฏว่าเอาข้อมูลเท็จมาอภิปรายและกล่าวหา พล.อ.ประวิตร ให้เสียหาย


“ผมคิดว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องชี้แจง เพราะไม่งั้นก็จะทำให้คนเข้าใจตัวพล.อ.ประวิตร ผิด และก็จะทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเกิดความแตกแยก เพราะเข้าใจในเรื่องที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯ ผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง GT200 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนาฬิกา หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด ที่ 3 ส.ส.ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร นั้น ผมว่าพูดด้วยความไม่รู้หรืออาจจะเชื่อในสิ่งที่ผิด

ผมขอเริ่มที่เรื่องยาเสพติดก่อนนะครับที่ส.ส.มนพร  เจริญศรี  ได้มาอภิปรายเรื่องยาเสพติดว่าระบาด เรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดที่ล้มเหลวและพาดพิงไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ผมคิดว่าไม่น่าเชื่อเลยว่า นางมนพร เจริญศรี ที่เป็นถึง ส.ส.นครพนม สังกัดพรรคเพื่อไทย จะอภิปรายข้อมูลเท็จได้ยาวนานขนาดนี้ 


ผมว่าถ้าไม่ใช่ข้อมูลที่ได้มาเท็จ ก็น่าจะเป็นแนวทางความคิดของนางมนพร เอง ที่เชื่อว่ามีการปราบปรามยาเสพติดระบาดแบบนี้ เพราะมีเงินใต้โต๊ะ มีคนมีสี มีส่วย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นภาพจำที่นางมนพร ได้เห็นในสมัยนายกฯ ทักษิณ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ อย่างไร จึงทำให้ นางมนพร มีความเข้าใจแบบนี้

ผมคิดว่า การจะพูดปัญหาเรื่องยาเสพติดนั้น ผมมั่นใจว่าสภาฯ ทั้งสภาได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหายาเสพติดขึ้นมา แล้วก็มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในสัดส่วนกรรมาธิการด้วย โดยมีชื่อว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหายาเสพติดแนวทางการจัดตั้งศูนย์บำบัดยาเสพติด การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 1 กันยายน 2563 ผมเห็นส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เข้ามาเป็นกรรมาธิการมีอยู่หลายท่าน แต่ก็ไม่เห็นส.ส.พรรคเพื่อไทย คนไหนที่อยู่ในกรรมาธิการฯจะลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้เลย


อย่างเช่นที่เขาพูดว่า คนรู้มักไม่พูด คนไม่รู้จะชอบพูด ผมเองก็เป็นห่วงว่าคนอย่างนี้พรรคเพื่อไทยไม่ควรจะส่งขึ้นมาอภิปราย ผมขอยกคำโบราณสมัยก่อน เขามีจัดคนไว้ 4 ประเภท แต่ประเภทที่ 4 หรือเป็นกลุ่มคนที่ควรจะกำจัดออกไปมากที่สุด คือ คนจำพวกคนโง่แต่ขยัน คนประเภทนี้มักสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม อันตรายต่อสังคมไม่ว่าจะให้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใดก็ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้โดยง่าย

 

จึงเหมือนคำพูดเปรียบเทียบที่ควรจะพูดให้ส.ส.มนพร จังหวัดนครพนม ได้ฟังว่า การที่เอาข้อมูลเท็จแล้วพูดโดยที่ตัวเองไม่รู้ ถ้าไม่รู้แล้วถามเพื่อนก็ไม่มีใครว่า แต่ปรากฏว่า อันนี้เพื่อนก็ไม่ถาม เพราะว่ากรรมาธิการวิสามัญในสัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาอภิปรายแม้แต่คนเดียว


 เพราะพวกเขาเข้าใจว่าปัญหายาเสพติดนั้นเป็นอย่างไร แล้วการแก้ปัญหานั้นทำอย่างไรและควรจะแก้อย่างไร การที่นางมนพร มาทำตัวพูดจาวกไปวนมา ชาวบ้านเขาส่งข้อมูลมาบอกผมว่าเขาฟังไม่รู้เรื่อง เพราะเดี๋ยวก็อภิปรายบอกว่าจับมาก เดี๋ยวก็อภิปรายบอกว่าไม่จับ เดี๋ยวก็อภิปรายบอกว่ามีส่วย ชาวบ้านเลยไม่เข้าใจที่อภิปรายว่าสรุปว่าได้จับหรือไม่จับ หรือมีส่วย นั่นก็คือสิ่งที่นางมนพร อภิปราย ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ผมคิดว่าการที่มาอภิปรายแล้วเอากล้วยมาชูในสภาฯ นั้น ชาวบ้านเขานึกว่าละครตลก 


ส่วนการอภิปรายในครั้งนี้ ผมว่าคนแดนไกลคงไม่ปลื้ม เพราะกระสุนและกระแสนั้นย้อนกลับไปหาคนแดนไกล ว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสมัยก่อน หรือไม่ที่นางมนพร พูดเรื่องส่วย เรื่องอมเงินรางวัล อันนี้ชาวบ้านเขาบอกมา ผมจึงขอประเมินว่า การอภิปรายของส.ส.มนพร หรือ นางมนพรนั้นสอบตกอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า นางมนพร อาจจะไม่ได้เข้าสภาอีก เพราะเอาความเท็จมาพูด วันหลังถ้าจะอภิปรายควรจะไปถามส.ส.เพื่อไทย ที่อยู่สัดส่วนกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหายาเสพติดด้วย จะได้มีข้อมูลข่าวสารที่ดีกว่านี้แล้วชาวบ้านถึงจะได้ประโยชน์


ส่วนอีกคนคือ นายธีรัจชัย พันธุมาส ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เปิดหลักฐานเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมว่าไม่มีอะไรที่จะต้องออกมาตอบเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง และเรื่องนี้ในหน่วยงานองค์กรอิสระก็ได้พิจารณาเรื่องนี้ไปเสร็จสิ้นแล้ว แต่ผมเข้าใจว่า นายธีรัจชัย นั้น จะเอาเรื่องนี้ไปตัดคลิปแล้วลงโซเซียล เพื่อสร้างความสับสนให้คนเข้าใจในตัวพล.อ.ประวิตร ผิดแล้วก็จะลากพาดพิงไปถึงหน่วยงานองค์กรอิสระ 


เรื่องนี้ผมอยากจะเตือนว่าให้ไปดูเคส นายรังสิมันต์ โรมให้ดี การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกพาดพิงทำให้เขาเสียหาย เขามีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้น ผมคิดว่า นายธีรัจชัย น่าจะมีความรู้เรื่องนี้ ไม่ควรจะมาตกม้าตายแบบนี้ การจะกล่าวหาว่า พล.อ.ประวิตร ทุจริตก็ควรจะเอาหลักฐานมาเปิด ไม่ใช่เอาหลักฐานป.ป.ช.พิจารณาเสร็จกระบวนการแล้วมาพูด แล้วตัวเองก็อยู่ในกรรมาธิการป.ป.ช. แต่กลับทำอะไรไม่ได้ แล้วแบบนี้ พล.อ.ประวิตร ไปเกี่ยวอะไร 


พล.อ.ประวิตร ก็ชี้แจงแล้วว่านาฬิกานั้นท่านยืมเพื่อนมา ส่วนใครจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ไม่ควรจะมาโน้มน้าวบิดเบือนทำให้คนอื่นเขาเสียหาย เรื่องนี้องค์กรอิสระอย่างป.ป.ช.เขาตอบมาอย่างชัดเจน ไม่ใช่ท่านมโนคิดไปเอง เออเอง เรื่องนี้ผมก็คิดว่าพรรคก้าวไกลเสียคะแนนไปมาก และ นายธีรัจชัย ชาวบ้านบอกว่าฝีมือตกลงไปเยอะหลังจากเปิดตัวอภิปรายในครั้งแรกเรียกเสียงฮือฮาได้มากเมื่อปี 63 แต่การอภิปรายครั้งนี้มีแต่เสียงโห่บ่นด่า เพราะชาวบ้านบอกว่า การอภิปรายนั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตร  หรือ อภิปรายไม่ไว้วางใจหน่วยงานป.ป.ช.กันแน่


ส่วนคนสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงอีกคนก็เป็นคนของพรรคก้าวไกลที่ได้ออกมาอภิปราย พล.อ.ประวิตร  เรื่องจีที 200 ผมก็ไม่เข้าใจว่าไม่รู้จะหาข้อมูลไหนมาอภิปราย พล.อ.ประวิตร  แล้วเหรอ หรือจะวางงานเล่นกลับพรรคเพื่อไทย เพราะจะแย่งฐานคะแนนกันในการเลือกตั้งครั้งต่อไป


ผมอยากจะพูดให้ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์  ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เข้าใจว่าการจัดซื้อ GT200 ครั้งแรกนั้น ไม่ได้เริ่มขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  ไม่ได้เริ่มขึ้นในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผบ.ทบ. ไม่ได้เริ่มขึ้นสมัย พล.อ.ประวิตร  เป็นรมว.กระทรวงกลาโหม แต่มันเริ่มขึ้นมาครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เริ่มจัดซื้อครั้งแรกโดยกองทัพอากาศ ผมว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนเขารู้ทันหมด มีแต่นายจิรัฏฐ์ ที่ไม่รู้ ที่ไม่ยอมทำการบ้านหาข้อมูล 


ผมว่าท่านก็ไปหาเอาละกันว่าในสมัยปี 2548 ในช่วงนั้น ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่คนที่มีคดีแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศเหรอ แล้วไม่ใช่คนที่เป็นเจ้านายของพรรคเพื่อไทยเหรอ ตรงนี้ผมแล้วชาวบ้านเขาก็มองออกว่านายจิรัฏฐ์วางงานจะหลอกด่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่สุดท้ายกลับกลายไปหลอกด่าคนแดนไกลหรือไม่อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทยก็เสียคะแนนอีกเช่นกัน


ข้อเท็จจริงก็ปรากฏแล้วว่า ณ เวลานั้นใครเป็นคนเอาจีที 200 เข้าประเทศ เพราะมันเข้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น ตอนนี้ก็หนีอยู่ดูไบ ผมจึงอยากจะบอกว่าเรื่องจีที 200 นั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร อีกเช่นกัน 


ฉะนั้นการอภิปรายของ 3 ส.ส. ชาวบ้านเขาบอกผมว่าสอบตก เพราะไม่มีประเด็นใดที่ชัดเจนที่จะบอกได้เลยว่า พล.อ.ประวิตร นั้น ทุจริตต่อหน้าที่ตามญัตติที่ฝ่ายค้านได้เขียนไว้เลย ผมจึงมั่นใจว่า การที่พรรคฝ่ายค้านชอบเขียนเสือให้วัวกลัวนั้น น่าจะใช้ไม่ได้กับ พล.อ.ประวิตร เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นเสือไม่ใช่วัว จึงลุกออกมาตอบโต้ฝ่ายค้านได้อย่างฉะฉานและแม่นยำ

 

วันนี้ชาวบ้านบอกผมว่า พล.อ.ประวิตร พูดดี พูดเก่ง ชาวบ้านชื่นชมมากๆ มีแต่คนรักลุงป้อม รักลุงตู่ ผมจึงอยากจะบอก 3 ส.ส.ให้ปรับปรุงตัว แล้วอย่าทำตัวแบบประเภทที่เรียกว่าคนโง่แต่ขยัน เพราะคนประเภทนี้จะชอบสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม เป็นอันตรายต่อสังคม 


ผมว่าคนที่จะขึ้นอภิปรายในอีกสองวันที่เหลือ อย่าได้ไปทำตามแบบ  ส.ส.3 คน ที่ผมและชาวบ้านได้ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวและผิดหวังเป็นอย่างมาก  ถ้าสองวันที่เหลืออภิปรายแบบนี้ ชาวบ้านบอกว่ารับรองได้เลย  นายกรัฐมนตรีและคณะ ผ่านฉลุย แล้วชาวบ้านเขาจะบอกว่า ก็จะเป็นมวยล้มต้มคนดูอีกเช่นเคย เหมือน การอภิปรายตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีแต่น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง