วิบากกรรม 4 ส.ส.ภูมิใจไทย ลุ้นศาลชี้ชะตา

16 พ.ค. 2565 | 09:00 น.
1.9 k

ลุ้นคดี 4 ส.ส.ภูมิใจไทย “ศาลฎีกานักการเมือง” นัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้อง “ฉลอง-ภูมิศิษฏ์-นาที”คดีเสียบบัตรแทนกัน หรือไม่ 19 พ.ค.นี้ ส่วนคดีชี้สถานภาพส.ส. "สำลี รักสุทธี" ศาลรธน.นัดฟังคำวินิจฉัย 1 มิ.ย.นี้

“คดีเสียบบัตรแทนกัน” ในส่วนที่ 3 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง และ นางนาที รัชกิจประการ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ตกเป็นจำเลยที่ 1-3 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกานักการเมือง)  ได้นัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ และนัดพิจารณาครั้งแรกในวันพฤหัสที่ 19 พ.ค. 2565 นี้ เวลา 9.30 น.


ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 “อัยการสูงสุด” ได้ยื่นฟ้อง ทั้ง 3 คน ต่อศาลฎีกานักการเมือง  ในข้อหาเสียบบัตรแทนกัน  

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อวันที่ 10-11 ม.ค.2563 และถูกกล่าวหาว่า เป็นการปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติ อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการและประชาชน หรือปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรับรามการทุจริต 2561 มาตรา 4 และ 172 
โดยศาลฎีกานักการเมืองได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 

 

สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 บัญญัติไว้ว่า “เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ดาบ2คดีจริยธรรมร้ายแรง


นอกจาก นายฉลอง นายภูมิศิษฏ์  และ นางนาที 3 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จะถูกดำเนินคดีอาญากรณี “เสียบบัตรแทนกัน”แล้ว  ยังถูกฟ้องในความผิดฐานฝ่าฝืน “จริยธรรมร้ายแรง" ด้วย


ย้อนไป เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 “ศาลฎีกา” ได้มีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 3/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์  และ นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย เรื่องการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (ชั้นรับคำร้อง) ในคดีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ อย่างร้ายแรง จากการเสียบบัตรแทนกัน


คดีนี้ ป.ป.ช.ร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษา หรือ คำสั่งว่าผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี 

                                          วิบากกรรม 4 ส.ส.ภูมิใจไทย ลุ้นศาลชี้ชะตา
ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 235 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6-8,11,17 และ 27


โดยศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหา พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจน เพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ และผู้ร้องดำเนินการตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2561 ครบถ้วนแล้ว


ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของผู้ร้อง เละสั่งจำเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำพิพากษา


เลื่อนคดีฝ่าฝืนจริยธรรม


ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีฝ่าฝืนจริยธรรมฯ นั้น เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2565 ทางจำเลยทั้ง 3 คือ นายฉลอง นายภูมิศิษฏ์  และ นางนาที ได้ยื่นคัดค้านต่อ “ศาลฎีกา” เพื่อขอให้งดการพิจารณาคดีนี้ไปก่อน เพื่อฟังผลคดีเสียบบัตรแทนกัน จาก “ศาลฎีกานักการเมือง” ซึ่งศาลอนุญาต และได้นัดเพื่อรอฟังผลของคดีดังกล่าว ในวันที่ 21 ธ.ค.2565 เวลา 14.00 น.


โดย ศาลฎกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ และคดีอาญาดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน และพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน ซึ่งอาจนำสืบถึงข้อเท็จจริงเดียวกัน  เพื่อให้ความยุติธรรมดำเนินไปได้ด้วยดี จึงเห็นสมควรให้เลื่อนการนั่งพิจารณาคดีนี้ไป  จนกว่าจะได้มีการพิพากษาหรือชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าว 


และให้ถือเอาบันทึกถ้อยคำ  สำนวนคำเบิกความ เอกสารที่เกี่ยวข้องในคดีอาญามาเป็นถ้อยคำพยานของผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้ง 3  เอกสารในคดีนี้หากคู่ความประสงค์จะไต่สวนพยานปาก หรือ เพิ่มเติมในข้อเท็จจริงที่ไม่ซ้ำกับคดีอาญาหรือพยานปากอื่น ก็ให้นำพยานเข้าไต่สวนได้ ในชั้นนี้ยังไม่สมควรให้จำหน่ายคดีชั่วคราว 


ชะตากรรม 4 ส.ส.ภูมิใจไทย อยู่ในมือ “ศาลฎีกา” และ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ส่วนใครจะ “ร่วง” หรือ “รอด” คงได้ทยอนเห็นผลกัน


ศาลรธน.นัดวินิจฉัย
คดี"สำลี รักสุทธี" 1 มิ.ย.นี้

 

ศาลรัฐธรมนูญนัดชี้ชะตา "สำลี รักสุทธี" ส.ส.ภูมิใจไทย สิ้นสมาชิกภาพส.ส.หรือไม่ 1 มิ.ย.นี้
คดีของส.ส.ภูมิใจไทยอีกคน คือ นายสำลี รักสุทธี  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย  เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2565 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย ในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพส.ส.ของ นายสำลี รักสุทธี  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(10) หรือไม่

                                         วิบากกรรม 4 ส.ส.ภูมิใจไทย ลุ้นศาลชี้ชะตา
จากเหตุเคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดมหาสารคามในคดีหมายเลขดำที่ อ. 4064/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 134/2562 อันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา 


หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้นายสำลี ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งมีคำสั่งให้ นายสำลี หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.นับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.2564  


โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ทำการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันพุธที่ 1 มิ.ย.2565 เวลา 15:00 น


สำหรับคดีดังกล่าว เป็นกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ของ นายสำลี จากกรณีต้องโทษคดีทะเลาะกับสถานบันเทิงที่อยู่ข้างบ้าน และศาลสั่งจำคุก แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา และให้บำเพ็ญประโยชน์ 


เดิม นายสำลี เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และได้ย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ