สกลธีลุยหาเสียงพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก ดันกระจายงบลงสวนเล็ก-ครัวคนกรุง

ตามดูผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หาเสียง ในช่วงวันหยุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 พ.ค.65) นายสกลธี ภัททิยกุล  ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 3 ได้เดินทางไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะวารีภิรมย์ เขตคลองสามวา เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกายและขี่จักรยาน รวมทั้งสำรวจพื้นที่ในสวนสาธารณะ 

โดยประชาชนส่วนหนึ่งได้ เสนอว่า หาก นายสกลธี ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ขอให้ช่วยปรับปรุงพื้นที่สาธารณะของประชาชน เพื่อให้มีความสะดวกและความปลอดภัยระหว่างผู้ที่ขี่จักรยานและผู้ที่เดิน – วิ่งออกกำลังกาย หรือ หาวิธีจัดโซนให้เหมาะสม รวมทั้งปรับปรุงถนน ให้มีความปลอดภัยสำหรับการออกกำลังกายในทั้งรูปแบบของการขี่จักรยาน และการวิ่ง นอกจากนี้ ยังควรเพิ่มสิ่งสันทนาการอื่นๆ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับเด็กๆ และครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่ด้วย

ทั้งนี้ นายสกลธี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่บริเวณสวนวารีภิรมย์ เห็นว่า เป็นสถานที่ที่ดีมาก มีทั้งลู่วิ่ง ทางจักรยานและสองข้างทางยังมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม และยังมีเส้นทางเทรลที่ลงไปในทุ่งนาได้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่สามารถตอบโจทย์ให้กับทุกคนได้ โดยคนที่มาออกกำลังกายก็เรียกร้องให้ปรับปรุงพื้นถนนและยังอยากให้มีการปรับภูมิทัศน์มีเรือพายในน้ำ ให้มีความสดชื่นสวยงามรวมทั้งเพิ่มกิจกรรมต่างๆ 

                          
ทั้งนี้ หากตนเองได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็อยากจะทำการปรับปรุงเส้นทางในสวนสาธารณะให้ดีขึ้น รวมทั้งการกระจายงบประมาณตามต้นแบบของสกลธีโมเดล เพื่อให้มีสวนสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะสำหรับคน กทม. กระจายอยู่ทั่วทุกเขต จากตอนนี้ที่มีสวนสาธารณะใน กทม. อยู่ประมาณ 30 จุดเท่านั้น

“สกลธี”พร้อมดัน“ครัวคนกรุง” 

 

ขณะเดียวกัน นายสกลธี ภัททิยกุล ยังได้ลงพื้นที่กับประชาชนในเขตคลองสามวา หนองจอก และมีนบุรี โดยสำรวจปัญหาพร้อมรับฟังข้อร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ โดยส่วนใหญ่เสนอให้ ปรับปรุง ด้านสาธารณูปโภค ทั้งเรื่องถนน ไฟฟ้าและน้ำประปา ซึ่งถึงแม้จะเป็นพื้นที่ของกรุงเทพฯ แต่บางส่วนกลับไม่มีไฟฟ้าใช้

นายสกลธี เปิดเผยว่า จากที่รับฟังปัญหาของชุมชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเรื่องของสาธารณูปโภค ทางเรื่องถนนน้ำ หรือ ไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัญหาในการดำรงชีวิต คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่หากได้เป็นผู้ว่าฯ จะรีบแก้ไขทันที เพราะตนให้ความสำคัญกับ การอำนวยความสะดวก ในระดับพื้นฐานของทุกพื้นที่เท่ากัน  

                       

ขณะเดียวกันจะต้องดูในรายละเอียดของแต่ละเขตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่าง ที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน เพื่อส่งเสริมความโดดเด่น และทำให้คนกรุงเทพฯ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก นอกจากเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วไปแล้ว พื้นที่นี้ประชาชนยังมีอาชีพเกษตรกรรมจำนวนมาก มีการปลูกพืชหลายชนิด 

ส่วนนี้ตนอยากส่งเสริม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการนำเรื่องของแนวคิดใหม่ๆ และการเพิ่มมูลค่าพืชผลทางการเกษตร มาให้ความรู้พัฒนาร่วมกันส่งเสริมหาตลาดและเงินทุนให้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มเติมขึ้น จากที่เคยทำมาแต่ในอดีต และที่สำคัญอยากส่งเสริมให้พื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออกเป็นครัวของ กทม. ส่งผลผลิตไปขายในกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งนอกจากจะได้ผักผลไม้สดแล้วยังช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจของคนในละแวกนี้ด้วย

นายสกลธี กล่าวต่อว่า ในนโยบายของ Smart farming ภายใต้ “สกลธีโมเดล” ของตน ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นี้ แต่ต้องการพัฒนาให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการทำเกษตรกรรมเดิม โดยการเพิ่มมูลค่าของพืชผักในการปลูก ผักมูลค่าสูง จำพวกอาหาร ผักสลัดที่คนนิยม  

 

โดย กทม.จะมีหน่วยงานหาตลาด ไปรับซื้อผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกรไม่ต้องผ่านคนกลาง หรือการรวมตัวกันเพื่อเป็นเครือข่าย ซื้อขายตรง กับกลุ่มนิติบุคคล คอนโดมีเนียม หรือหมู่บ้านต่างๆ เพื่อส่งพืชผักไปสู่ ครัวเรือนได้โดยตรง

 

นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จและมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านวิชาการ ประสบการณ์ และการตลาด มาช่วยแนะนำ ซึ่งคิดว่าจะทำให้ เกษตรกรของ กทม. มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อีกด้วย

                                

ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่ นายสกลธี ได้เดินทางไป ณ มัสยิด กมาลุลอิสลาม ในเขตคลองสามวา เพื่อร่วมอวยพรและส่งความปรารถนาดีต่อพี่น้องชาวมุสลิม เนื่องในวันฮารีรายออีกด้วย