"ปธ.กมธ.สิทธิฯ"เชื่อคดี "แตงโม นิดา" มีคนผิดมากกว่า 2คน

03 เม.ย. 2565 | 15:12 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2565 | 22:41 น.
2.7 k

"สมชาย"ปธ.กมธ.สิทธิฯ ส.ว. เดินหน้าคดี"แตงโม นิดา" ทวงความเป็นธรรมให้คนตาย เชื่อมีคนผิดมากกว่า 2คน พร้อมเปิดกฎหมายอาญา เทียบการกระทำ-คนเข้าข่ายผิด4ประเภท

นายสมชาย แสวงการ  ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจสมชาย แสวงการ

 

ยืนยันถึงการเดินหน้าตรวจสอบคดีการเสียชีวิตของน.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ"แตงโม นิดา" ว่า จากการติดตามความคืบหน้าคดีของน.ส.นิดา ในข่าว พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการหลายเรื่องที่กมธ. เคยตั้งข้อสังเกตและให้ข้อเสนอแนะ

 

โดยเฉพาะข้อสังเกตุเกี่ยวกับการให้การเป็นพยานเท็จ การทำลายหลักฐาน การให้คำปรึกษาเพื่อไม่ต้องให้รับโทษหรือรับโทษน้อยลง หรืออาจพลิกหากมีหลักฐานว่าร่วมสนับสนุนการกระทำผิดด้วย  
 

  นายสมชาย แสวงการ

 

 จากการประมวลข้อมูลและข้อกฎหมายเบื้องต้นนอกเหนือจากที่ผู้ต้องหา2คนคือนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ไฮโซปอ นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291 ผู้ใดกระทําโดยประมาท และการกระทํานั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวาง โทษจําคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท แล้ว

 

อาจมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อาจต้องรับโทษเพิ่ม เท่าที่พอเห็นเค้าลางขณะนี้แบ่งได้เป็น 3-4 บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ดังนี้

 

 1.บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 2.บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยว่ามีการจงใจทำลายหลักฐาน  มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือ ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 

  3.บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นนอกเรือที่ช่วยให้คำปรึกษาแนะนำ โดยมีเจตนา คือรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลนั้น เป็นผู้กระทำ ความผิดหรือ รู้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด และมีมูลเหตุจูงใจเพื่อไม่ให้ต้องโทษ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

  4.หากเป็นกรณีถ้าคดีพลิกมีหลักฐานว่าเป็นการร่วมกันช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำความผิด บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมสนับสนุนจะมีความผิดรับโทษ2ใน3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

 

"ส่วนการสืบสวนสอบสวนจะเป็นไปตามนี้หรือไม่จะพาดพิงไปถึงใคร มีพยานหลักฐานมากน้อยแค่ไหน รัดกุมเพียงใด ขอให้อดใจรอเชื่อมั่นว่าเรื่องที่สังคมต้องการความยุติธรรมและต้องการเห็นความเป็นธรรมกับคดีแตงโมนั้น ไม่สูญเปล่า” นายสมชาย ระบุ