“นิพนธ์”มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัย พายุกระหน่ำบ้านเรือนปัตตานี 

06 มี.ค. 2565 | 15:02 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2565 | 22:15 น.

“นิพนธ์”ลงพื้นที่เร่งตรวจสอบความเสียหาย มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัย พายุกระหน่ำพัดบ้านเรือนริมหาดตะโละกาโปร์ จังหวัดปัตตานี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

วันที่ 6 มีนาคม 2565 ที่ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ประสบภัย ทางวาตภัย พายุกระหน่ำพัดบ้านเรือนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี พร้อมมอบถุงยังชีพและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย จำนวนกว่า 120 ชุด

 

โดยมี นายนิพันธ์  บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่และคณะ ให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย

 

จากสถานการณ์ลมทะเลที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนล่าง เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดภาวะฝนที่ตกนอกฤดูกาลลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน

                                                 

คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร เกิดภาวะลมกระโชกเป็นระลอกๆ ทำให้เกิดเหตุวาตภัยในหลายพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี

เมื่อวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2565 จังหวัดปัตตานี ได้เผชิญกับสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ลมกระโชกแรง ทำให้เกิดคลื่นสูงกว่า 2 เมตร พัดเข้าหาและกัดเซาะชายฝั่ง

 

โดยพื้นที่อำเภอยะหริ่ง หมู่ที่ 1-5 ตำบลตะโละกาโปร์ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 51 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 153 ราย พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง จำนวน 289 ไร่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 241 ราย 

                                “นิพนธ์”มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัย พายุกระหน่ำบ้านเรือนปัตตานี 


นอกจากนี้ ยังมีลานคอนกรีตเลียบชายฝั่งบริเวณหาดตะโละกาโปร์ ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหาย ความยาวประมาณ 300 เมตร ส่วนพื้นที่หมู่ 1-4 ตำบลแหลมโพธิ์ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 205 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 615 ราย พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง จำนวน 7 ไร่ 


ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 8 ราย และพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลมายู บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 6 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 18 ราย โดยส่วนใหญ่หลังคาบ้านได้ถูกลมพัดรุนแรง จากภาวะลมกระโชกเป็นระลอกๆ ทำให้กระเบื้องหลังคาหลุดบินลอยไปกับกระแสลม


นายนิพนธ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ นำความห่วงใยจากรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย มามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้ประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน และเร่งตรวจสอบความเสียหาย กรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง จนน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตร

 

ประกอบกับการเกิดเหตุวาตภัย พายุกระหน่ำพัดบ้านเรือนในพื้นที่ตำบลตะโละกาโปร์ ตำบลแหลมโพธิ์  และตำบลบามู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ตนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทราบว่าได้ดำเนินการซ่อมแซมไปแล้วบางส่วน 

                                “นิพนธ์”มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัย พายุกระหน่ำบ้านเรือนปัตตานี 
ส่วนถนนหนทางที่โดนคลื่นกัดเซาะ เมื่อเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำแผงกั้นและเสากันถนนมาปิดพื้นที่ไว้ชั่วคราว ก่อนดำเนินการเร่งซ่อมแซมต่อไป ทั้งนี้ ตนได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ 


“ทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเตรียมความพร้อมในการเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจะดูแลรวมไปถึงทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย พร้อมสั่งการจังหวัดวางแผนและเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ โดยต้องพร้อมรับมือตลอดเวลา”

                               “นิพนธ์”มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบวาตภัย พายุกระหน่ำบ้านเรือนปัตตานี 

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ตนจะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ให้พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่องในช่วงนี้แล้วก็ตาม ก็อยากขอความร่วมมือประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

 

ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง โดยคอยติดตามสถานการณ์ข่าวสารจากทางราชการใกล้ชิดต่อไป พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย