“อานนท์"ยื่น 1.2 ล้านรายชื่อขับแอมเนสตี้พ้นประเทศไทย 

17 ก.พ. 2565 | 18:08 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.พ. 2565 | 01:13 น.

“อานนท์"ยื่นหนังสือ"แรมโบ้"พร้อมรายชื่อ 1.2 ล้านรายชื่อ คัดค้านต่อใบอนุญาต แอมเนสตี้ ประเทศไทย พร้อมขอขับพ้นประเทศ หากไม่อนุมัติตามคำขอ กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันจะออกมาคัดค้านให้ถึงที่สุด 

วันนี้(17 ก.พ.65) นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มประชาชนชาวไทย  4 ภาค และกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ยื่นหนังสือ และรายชื่อประชาชน 1 ล้าน 2 แสนรายชื่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการอนุมัติขอต่ออายุใบอนุญาตให้แก่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยและขอให้ขับพ้นจากประเทศไทย

 

พร้อมออกแถลงการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบัน ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายเสกสกล เพื่อให้ดำเนินการขับไล่แอมเนสตี้ ประเทศไทย เนื่องจากองค์กรดังกล่าวเป็นกลุ่มบุคคลธรรมดาที่อ้างตัวเป็นองค์กรนานาชาติ เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของคน แต่ความเป็นจริงองค์กรดังกล่าวเข้ามาเพื่อแทรกแซงกิจการภายในของราชอาณาจักรไทย และสร้างค่านิยมในทางที่ผิดให้กับสังคมไทย ส่งเสริมให้เยาวชนกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง 

เมื่อมีบุคคลกระทำความผิดกฎหมาย องค์กรดังกล่าวยังได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผู้กระทำความผิดโดยอ้างถึงความเท่าเทียมเรียกร้องเสรีภาพ อันขัดต่อรัฐธรรมนูญของไทย พร้อมประณามการกระทำของรัฐบาล โดยล่าสุดที่คนไทยรับไม่ได้ คือ การที่แอมเนสตี้ทำแคมเปญเขียนจดหมายถึงทั่วโลก เพื่อให้ทางการไทยหยุดดำเนินคดี กับ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ทั้งที่บุคคลดังกล่าวได้ตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย และความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์

 

นอกจากนี้ยังเห็นว่า แอมเนสตี้ได้ก้าวก่ายและแทรกแซงภารกิจภายในของราชอาณาจักรไทยไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังสนับสนุนให้ท้ายผู้คนหรือกลุ่มบุคคล ที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์

นับจากวันที่ยื่นหนังสือกว่า 3 เดือน ทางกลุ่มได้มีการขอความคิดเห็นจากประชาชนและประชาชนได้เข้าร่วมลงชื่อเพื่อขับไล่แอมเนสตี้จำนวนกว่า 1 ล้าน 2 แสนรายชื่อ ซึ่งทางกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันได้รวบรวมรายชื่อ เพื่อส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไว้เป็นหลักฐานว่าประชาชนเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าไม่ควรอนุมัติตามคำขอต่อใบอนุญาต และหากมีการต่อใบอนุญาตให้กับแอมเนสตี้ กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันและประชาชนจะออกมาคัดค้านให้ถึงที่สุด