"อนุรักษ์" ฟ้อง "ฐานเศรษฐกิจ" เสนอข่าวป.ป.ช.ไต่สวนกระทำผิดกฎหมายป.ป.ช.

25 ม.ค. 2565 | 15:51 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ม.ค. 2565 | 00:32 น.
886

"บากบั่น บุญเลิศ" เผย "นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย"  ฟ้อง "ฐานเศรษฐกิจ" นำเสนอข่าว ป.ป.ช. ไต่สวนกระทำผิดกฎหมายป.ป.ช. 

วันที่ 25 มกราคม 2565 นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการบริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด และบรรณาธิการอำนวยการ ฐานเศรษฐกิจ กล่าวว่า ได้รับหมายศาล จากกรณีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ฟ้องต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร ในการปฏิบัติหน้าที่สื่อสารมวลชนของหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและเวบไซด์ฐานเศรษฐกิจ ในคดีหมื่นประมาท โดยบรรยายฟ้องความว่า 

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน จําเลยทั้ง สองได้บังอาจกระทําความผิดตามกฎหมายอาญาต่อโจทก์ กล่าวคือ จําเลยทั้งสองได้บังอาจหมิ่น ประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 คนที่หนึ่ง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี งบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔ โดยลงเผยแพร่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ชื่อว่า “ฐานเศรษฐกิจ" หรือ (www.thansettakij.com)” ว่า 

 

"ป.ป.ช. ฟัน “ส.ส.เพื่อไทย” ตบทรัพย์ 5 ล้าน แลกผ่านงบกรม ทรัพยากรน้ําบาดาล” และได้ลงรายละเอียดในข่าวต่อไปอีกว่า “ วันนี้ (1 ต.ค.64) ที่สํานักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงกรณี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ํา ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรม ทรัพยากรน้ําบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ

ว่ามีอนุกรรมาธิการบางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้นั้น นายนิวัติกล่าวว่า ป.ป.ช. ได้มีการสั่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน นาย อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และนางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ โดยจากการไต่สวนนายศักดิ์ดาให้ข้อมูลว่านายอนุรักษ์ได้เรียกรับเงินทางโทรศัพท์ โดยมีนางนันทนาเป็นผู้โทรศัพท์ประสานงาน 

 

ทั้งนี้จากการไต่สวนและการเช็คข้อมูลโทรศัพท์ ช่วง ระยะเวลาที่มีการโทร เจือสมพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่านายอนุรักษ์ได้มีการเรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดาจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๑๒๓/๕ ฐานเรียกรับ ยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดด้วยตนเองโดยมิชอบ และยังเป็นการกระทําอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ" 

 

ซึ่งแท้จริงแล้วโจทก์มิได้เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ตามที่จําเลยทั้งสองเผยแพร่ข่าวแต่อย่างใด ซึ่งการทําหน้าที่ของโจทก์ในฐานะเป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ ๒ คนที่หนึ่ง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปด้วยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อให้การใช้งบประมาณ ของทางราชการเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า การที่จําเลยทั้งสองร่วมกันลงข่าวเผยแพร่ตาม เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ลงในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ชื่อว่า “ฐานเศรษฐกิจ" หรือ “(www.thansettakij.com)” 

ซึ่งมีสาธารณชนติดตามข่าวของจําเลยที่ ๑ จํานวนมาก เมื่อมีผู้อ่านข่าวที่ จําเลยทั้งสองเผยแพร่ย่อมทําให้บุคคลที่อ่านข่าวเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี และเป็นคนที่ประพฤติผิด ฐานเรียกรับเงิน ทรัพย์สินจากนายศักดิ์ดา ฯ ทําให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทํา ให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

 

ดังนั้น การที่จําเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ “ฐานเศรษฐกิจ” หรือ “(www.thansettakij.com)” และบรรณาธิการ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของสํานักงานข่าวของจําเลยทั้งสอง เป็นสํานักงานข่าวที่มีชื่อเสียง มีประชาชนติดตามจํานวนมาก และให้ความสนใจติดตามข่าวสาร จําเลยทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจําเลยทั้งสองประกอบธุรกิจหนังสือพิมพ์ สื่อสารมวลชนมาเป็น เวลานานมีประสบการณ์ในการนําเสนอข่าวเป็นอย่างดี มีหน้าที่ต้องใส่ใจใช้จรรยาบรรณตรวจสอบ คัด กรองข่าวในเบื้องต้นว่าถูกต้องตรงความเป็นจริงและจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ 

 

ซึ่งการ ตรวจสอบสามารถกระทําได้โดยง่ายหรืออาจสอบถามกับโจทก์โดยตรง แต่จําเลยทั้งสองหาประพฤติ เช่นนั้นไม่ กลับนําความเท็จมาลงข่าวโดยไม่คัดกรอง ไม่ใยดีต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์และชัด ต่อหลักจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่ดี จึงเป็นการกระทําที่มีเจตนาประสงค์ต่อผลและ เล็งเห็นผลที่ทําให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทําให้โจทก็ได้รับความเสียหาย อัน เป็นความผิดหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณาด้วยทางเว็บไซต์ของจําเลยทั้งสองนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การกระทําความผิดของจําเลยทั้งสองยังคงเผยแพร่ทางระบบ อินเตอร์เน็ตและเว็บไซต์ของจําเลยทั้งสองติดต่อกันมาตลอดทําให้เกิดความเสียแก่โจทก์อย่างหาที่สุด มิได้ การกระทําของจําเลยทั้งสองมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาแล้ว

 

จากการกระทําความผิดของจําเลยทั้งสองทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดมุกดาหาร เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาว มุกดาหารในการเลือกโจทก์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นที่รู้จัก มีผู้คนนับหน้าถือตาในจังหวัดมุกดาหารและทั่วราชอาณาจักร 

 

การที่จําเลยใส่ความโจทก์ดังกล่าวย่อมทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติคุณ หน้าที่การงาน ทั้งส่วนตัวและครอบครัว ต้องถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และต้องสูญเสียความเคารพนับถือและโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด มุกดาหารในครั้งต่อๆ ไป จากการกระทําของจําเลยดังกล่าว โจทก์จึงขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก จําเลยทั้งสองเป็นเงินจํานวน 1 ล้านบาท 

 

และขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้จําเลยทั้ง สองประกาศหรือลงข้อความข่าวขอโทษโจทก์ผ่านทางสํานักข่าวของจําเลยทั้งสองทั้งทางสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ด้วยค่าใช้จ่ายของจําเลยทั้งสองเอง โดยโจทก์จะเสนอพยานหลักฐานต่างๆ ในชั้นไต่ สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาต่อไป

 

จากกระทําของจําเลยทั้งสองดังที่โจทก์กล่าวไปดังข้างต้น โจทก์ขอศาลได้โปรดมีคํา พิพากษาลงโทษจําเลยทั้งสองตามฟ้องด้วย ขอศาลได้โปรดพิพากษาเหตุเกิดที่ ตําบลมุกดาหาร อําเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักร ต่อเนื่องกันโจทก์มิได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพราะประสงค์จะดําเนินคดีด้วยตนเอง

 

ด้าน นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการบริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด และบรรณาธิการอำนวยการ ฐานเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ได้รับหมายศาลจากเจ้าหน้าที่ กรณีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร เขต 1 พรรคเพื่อไทย ฟ้อง บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด จำเลยที่ 1 และตัวเองเป็นจำเลยที่ 2 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการนำเสนอข่าวคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ

 

นายบากบั่น ยืนยันว่า ฐานเศรษฐกิจได้ทำหน้าที่สื่อมวลชน นำเสนอข่าวจริง เพื่อนำเสนอข่าวสารให้ประชาชนรับทราบความผิดปกติเกี่ยวคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ดังกล่าว และการรายงานข่าว เป็นการแถลงข่าวของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งโดยไม่มีเจตนาให้ร้าย ปฏิบัติหน้าที่สื่ออย่างซื่อสัตย์และสุจริต

 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวของ นายอนุรักษ์  เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2564 ศาลฎีกา อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 4/2564 ระหว่าง ป.ป.ช. ผู้ร้อง และ นายอนุรักษ์ ผู้คัดค้าน เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแลกกับการผ่านงบประมาณ 

 

โดยศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คำร้องของป.ป.ช.ที่กล่าวหา พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ และผู้ร้องดำเนินการตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 ครบถ้วนแล้ว จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง และนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 10 ก.พ.2565 

 

เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ส่งผลให้ นายอนุรักษ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2564 จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษา